Opinions

โอกาสทองธุรกิจ ‘กัญชา’

Avatar photo
7849

สิทธิชัย แดงประเสริฐ

แม้โลกเราจะมีวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวล้ำเพียงใด แต่ปัญหาด้านสุขภาพของมนุษย์ก็ไม่เคยหมดไปจากโลกใบนี้ เรียกได้ว่าโรคภัยไข้เจ็บก็ได้มีวิวัฒนาการไม่ต่างจากความก้าวหน้าด้านการแพทย์เลยทีเดียว หรือในบางคราวก็ดูเหมือนว่าโรคภัยได้พัฒนาตัวเองจนแซงหน้าการรักษาไปอย่างไม่เห็นฝุ่น อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้กัญชาได้ถูกยกขึ้นมาเป็นความหวังของการรักษาโรคร้ายต่างๆ ซึ่งเป็นความหวังของผู้ป่วยทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเราเองที่ล่าสุดก็ได้มีสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัย ธัญบุรี และ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) รวมถึง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จับมือกับภาคเอกชนในการทำการวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อการแพทย์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่หากการวิจัยประสบผลสำเร็จก็จะทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้นและหากสามารถทำได้แพร่หลายก็ยังทำให้ราคาถูกลงอีกด้วย

การยอมรับของกัญชาในต่างประเทศนั้นปัจจุบันมีมูลค่าการตลาดทั่วโลกสูงถึง 1.9 ล้านล้านบาท Arcview Group บริษัทวิจัยการตลาดและการลงทุนในกัญชาให้ข้อมูลว่า ในปี 2561 ยอดขายปลีกสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชาเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปี 2560 โดยมีมูลค่ารวม 10.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่รวมสินค้าที่ผสมสารสกัด CBD จากกัญชง ขณะที่ Greenwave Advisors ระบุว่าตลาดกัญชาสหรัฐปี 2561 มีมูลค่า 9.6 พันล้านดอลลาร์ และจะสูงขึ้นเป็น 35 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565

จากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศไทยที่ได้ชื่อว่ามีกัญชาสายพันธุ์ที่ดีที่สุดไทยโลก คือสายพันธุ์หางกระรอก อีกทั้งสภาพภูมิอากาศประเทศไทยเหมาะแก่การปลูกกัญชา ด้วยความเหมาะสมจากอุณหภูมิ ภูมิอากาศ ความชื้นสัมพัทธ์ และความอิ่มของแสงแดด ที่ส่งผลให้กัญชาไทยมีค่า Tetrahydrocannalinal (THC) สูง ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ด้านการรักษาโรคสูง

กัญชา1

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ที่สนใจโอกาสธุรกิจจากกัญชานั้น ก็ไม่ได้ยากเกินไปนักแม้ว่าจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย เนื่องจากสามารถขอความรู้ได้จากสถาบันอุดมศึกษาดังที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่ง เจเอสพี ก็ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเหล่านั้นอย่างเต็มรูปแบบในการศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์แบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการคัดสายพันธุ์ ทดลองปลูกจริงแล้วเพื่อคัดสายพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย ก่อนจะนำมาวิจัยเพื่อทำยาตำรับแผนโบราณ จนกระทั่งทำการผลิตเป็นยาสมุนไพรที่โรงงานเภสัชอุตสาหกรรมเจเอสพีและขึ้นทะเบียนอย. ซึ่งพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่สนใจในวงกว้าง และยังแตกไลน์ธุรกิจ เปิดโอกาสให้เอกชนรายอื่นร่วมมือหาพันธมิตร ร่วมลงทุนวิจัยพัฒนายา เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมในวงกว้าง

หากประเทศไทยสามารถผลักดันให้มีการปลูกกัญชา แล้วต่อยอดไปสู่การนำสารสกัดไปเป็นส่วนผสมของยารักษาโรค ก็จะทำให้ประเทศไทยสามารถส่งออกยารักษาโรคที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชาไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งการส่งออกในรูปแบบของยารักษาโรคนั้นไม่ถือว่าเป็นการส่งออกสารเสพติด และหากทำได้จริงก็จะสามารถเข้าไปชิงส่วนแบ่งการตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ท้าทายและโอกาสธุรกิจสำหรับประเทศไทย

 

ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกรรมการบริหาร 

บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)