ตลาดหลักทรัพย์เอเชียช่วงเช้าวันนี้ (2 ส.ค.) ดิ่งลงทั้งภูมิภาค ตามหุ้นสหรัฐ ที่พลิกกลับมาปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาประกาศว่า จะขึ้นภาษี 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลืออยู่มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ในเดือนหน้า
ดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่นเคลื่อนไหวล่าสุด ดิ่งลง 444.15 จุด หรือ 2.06% ที่ 21,096.84 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ฮ่องกง ร่วงลง 571.12 จุด หรือ 2.07% ที่ 26,994.58 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ จีนลดลง 43.95 จุด หรือ 1.51% ที่ 2,864.82 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ปรับลงมา 14.33 จุด หรือ 0.44% ที่ 3,277.42 จุด
ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดซื้อขายเมื่อคืนนี้ที่ 26,583.42 จุด ร่วงลง 280.85 จุด หรือ 1.05% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,953.56 จุด ลดลง 26.82 จุด หรือ 0.90% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 8,111.12 จุด ลดลง 64.30 จุด หรือ 0.79%
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเคลื่่อนไหวของทรัมป์ สร้างแรงตื่นตระหนกให้ตลาดรอบใหม่ โดยหลังจากที่จีน และสหรัฐเปิดเจรจาการค้ารอบใหม่ขึ้นมา นักลงทุนต่างคาดหวังว่า สถานการณ์จะสงบนิ่งไปอีกระยะเวลาหนึ่ง และตลาดก็ยังมีความผ่อนคลายจากสัญญาณการฟื้นตัวของภาคเซมิคอนดักเตอร์ แต่ในขณะนี้ นักลงทุน และบริษัทต่างๆ จะต้องทบทวนสถานการณ์กันใหม่
ขณะที่สื่อจีนออกมาประณามในทันทีถึงท่าทีล่าสุดของทรัมป์ โดยบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ ระบุในวันนี้ว่า ข้อตกลงการค้าระหว่าง 2 ฝ่าย ยิ่งห่างไกลออกไป
แรงวิตกรอบใหม่ยังทำให้นักลงทุนพากันหนีเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึง พันธบัตรสหรัฐ เงินเยน และทองคำ ขณะที่ค่าเงินหยวน และดอลลาร์ออสเตรเลีย ที่มีความอ่อนไหวสูง อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน
คำขู่ของทรัมป์ ยังสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อตลาดน้ำมันโลก โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนกันยายน ที่ตลาดนิวยอร์ก เมื่อคืนนี้ ร่วงลงถึง 4.63 ดอลลาร์ หรือ 7.9% ปิดที่ 53.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม ดิ่งลง 4.55 ดอลลาร์ หรือ 6.99% ปิดที่ 60.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
คำขู่ที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลว่าข้อพิพาทการค้าระหว่าง 2 ประเทศจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน ทั้งตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) ที่ระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
