ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา ส่งผลคนหันดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันมากกว่ารักษา โรงพยาบาลพญาไท 2 เร่งขับเคลื่อนความเป็นเลิศด้านการแพทย์ ต่อยอดสู่การเป็นศูนย์การแพทย์ก้าวหน้าระดับโลก ด้วย 3 จุดเด่น “เข้มข้น ใส่ใจ เชื่อมโยง” เน้นให้บริการดูแลสุขภาพด้วยศูนย์แพทย์เฉพาะทาง และการตรวจประเมินความเสี่ยงการเกิดโรคแบบเจาะลึก เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล
นายแพทย์ อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 2 เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ตัวเลขการขยายตัวของโรงพยาบาลสอดคล้องกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยและทั่วโลก ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนก็จะได้รับผลกระทบ โดยผู้มีระดับรายได้ปานกลางขึ้นไป ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของโรงพยาบาลมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายด้านการรักษา ตลอดจนมีการหันไปใช้บริการด้านส่งเสริมสุขภาพเพิ่มขึ้นจึงยังคงทำให้โรงพยาบาลรักษาระดับการเพิ่มขึ้นของรายรับไว้ได้
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก ทีดีอาร์ไอ ยังระบุว่า ปัจจุบันค่าใช้จ่ายสุขภาพโดยรวมของคนไทยแบ่งเป็นค่ารักษาพยาบาล 75% ค่าป้องกันและดูแลสุขภาพ 5% และมีค่าอื่น ๆ เช่นซื้อวิตามินอีก 20% โดยกลุ่มโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันคือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งกลุ่มโรคเหล่านี้ส่วนใหญ่ป้องกันได้ หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตมาเป็นการดูแลสุขภาพ ตรวจหาความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนการรักษาได้เพิ่มมากขึ้น
จากแนวโน้มดังกล่าว โรงพยาบาลพญาไท 2 จึงปรับกลยุทธ์ด้วยการขยายบริการสู่กลุ่มรักสุขภาพที่ต้องการตรวจประเมินความเสี่ยงของโรคก่อนป่วย ครอบคลุมตั้งแต่วัยแรกเกิด วัยรุ่น วัยทำงาน จนถึง ผู้สูงอายุ ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีตรวจคัดกรองประเมินความเสี่ยงของโรค ที่เน้นแบบเจาะลึก ภายใต้ 3 แนวทางการให้บริการผู้ป่วยแบบ “เข้มข้น ใส่ใจ เชื่อมโยง”
ล่าสุด โรงพยาบาลพญาไท 1 พญาไท 2 และ เปาโล พหลโยธิน ยังได้ผนึกกำลังเป็นกลุ่ม PMC “พญาไท เปาโล เมดิคอล แคมปัส” นำจุดแข็งความเชี่ยวชาญของในแต่ละโรงพยาบาล มาให้บริการผู้ป่วย ได้ครอบคลุมทั้งหมด ทั้งในกลุ่มโรคซับซ้อน เวชศาสตร์การดูแลสุขภาพ เวชศาสตร์ฟื้นฟู ศัลยกรรม และเป็นเมดิคอล แคมปัส ที่มีการวิจัยพัฒนาทางวิชาการทางการแพทย์ เพื่อหาแนวทางรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุด”
ปัจจุบัน รพ. มีสัดส่วนผู้ป่วยที่เข้ามาทำการรักษากับศูนย์เฉพาะทางได้แก่ ศูนย์สุขภาพสตรี 30% ศูนย์สุขภาพเด็ก 20% สถาบันกระดูกและข้อ 15% และ อื่น 35% โดยมี สัดส่วนผู้ป่วยไทย 80% และต่างชาติ 20% ซึ่งกัมพูชาครองส่วนแบ่งสูงสุดของผู้ป่วยต่างชาติ 35%
พร้อมกันนี้ ยังได้ขยายการให้บริการนั้นโรงพยาบาล ด้วยการเพิ่มการรับรองผู้ป่วยด้วยบริการห้องพักระดับพรีเมียม 16 ห้อง และหอผู้ป่วยวิกฤตเพิ่มเป็น 8 ห้อง รวมถึงเน้นการขยายศูนย์เฉพาะทางเพิ่มขึ้น เช่นปีที่ผ่านมา ได้เปิดคลินิกเวชศาสตร์การกีฬา เพื่อรับเทรนด์ออกกำลังกายดูแลสุขภาพ และเปิด Line @ Chat กับหมอทีมชาติ เปิดศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ศาสตร์ชะลอความเสื่อมของร่างกายแบบองค์รวม และมีแผนที่จะเปิดศูนย์รักษาภูมิแพ้ เพื่อวินิจฉัย รักษาผู้ป่วยกลุ่มภูมิแพ้ที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี
นายแพทย์ อนันตศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน โรงพยาบาลพญาไท 2 ให้บริการด้วยศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ 30 ศูนย์ มีสัดส่วนการรักษาอยู่ที่ 80% และการตรวจประเมินความเสี่ยง 20% โดยมีจำนวนตัวเลขของผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในที่เข้ามารับการรักษาเพิ่มขึ้น 5% เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561
