เปิดชีวิตใหม่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หลังประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคการเมือง พร้อมรับบทบาทใหม่ พี่มาร์ค ทาสแมว ที่ทำคนทั้งโซเชียลหลงรัก ผ่านรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร
พี่พีเครู้มั้ยว่าเพื่อนสนิทของพี่มาร์คคือใคร นายกอังกฤษคนใหม่ บอริส จอห์นสัน เห็นภาพในเฟซบุ๊คด้วย พี่คิดมั้ยคนนึงเป็นอดีตนายกเมืองไทย อีกคนจะเป็นนายกอังกฤษ ?
มาร์ค : ผมไม่รู้เค้าคิดรึเปล่า แต่บอริสเค้าเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้ว เพื่อน ๆชื่นชอบ เค้าก็เป็นหัวหน้านักเรียนค่อนข้างที่จะโดดเด่น ผมก็รู้จักกับเค้าน่าจะตั้งแต่ไฮสคูล ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เคมบริดจ์ จะประมาณ พฤศจิกายน – ธันวาคม พอสอบเสร็จแล้ว กว่าจะไปเข้าเรียนจะเป็น กันยายน – ตุลาคม มีเวลาว่างอยู่ 9-10 เดือนเค้าก็ไปออสเตรเลียอาจจะไปเที่ยวด้วย สอนหนังสือเด็กด้วย เค้าก็แวะเมืองไทยมาพักบ้านผมอยู่สองอาทิตย์ แล้วก็กลับออกซ์ฟอร์ด แต่ตอนกลับไปก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เค้าจะอยู่กับเด็กที่เล่นการเมืองพรรคอนุรักษ์นิยม ผมจะอยู่กันคนละฝ่าย เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ในหน้าที่การงานผมเคยเจอเค้าตอนเป็นายกเทศบาลลอนดอน ซัก 2 ปีที่แล้วเค้าตอนเค้าเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเค้าก็มาที่ไทยก็นัดเจอกัน เราก็แซวเค้าว่าจะเป็นนายกหรือเปล่า เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวได้เป็นละ เพราะเค้าช้ากว่าผมไป 10 ปีละ เค้าก็ได้เป็นจริง ๆ
ล่าสุดทุกคนทราบดีว่าพี่มาร์คลาออกจากการเป็น ส.ส. และ ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค เหตุผลลึก ๆ ที่ตัดสินใจลาออกคือ ?
มาร์ค : ไม่มีอะไรลึกลับเลย ทุกอย่างเปิดเผย แถลงตรงไปตรงมา จากหัวหน้าพรรคนี่ง่ายมาก เราไม่สามารถประสบความสำเร็จในการนำพาองค์กรไปได้ แล้วผมก็ประกาศชัดตอนเลือกตั้งว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส ไม่ถึง 100 คน ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมก็ต้องรับผิดชอบ คืนวันที่ 24 มีนา เห็นชัดอยู่แล้วว่าไม่ถึง ผมก็ลงมาแถลงข่าวลาออกเลย ประการที่สองที่ออกจาก ส.ส. ก็ชัดเจนอีกเช่นกัน ว่าเมื่อพรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาล ผมก็ผิดคำพูดกับประชาชนไม่ได้ ผมก็ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องออกจาก ส.ส.
24 แถลง ตื่นเช้าวันที่ 25 ชีวิตเปลี่ยนยังไง ?
มาร์ค : ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ จริง ๆ ผมก็ตกงานตั้งแต่ปฎิวัติแล้ว ไม่ต้องไปประชุมแล้ว ผมก็อยากจะพัก ทำการเมืองมาตั้งแต่อายุ 27 ถึงตอนนี้ 27-28 ปี ก็ไม่ได้หยุดเพราะงานการเมืองมันไม่ได้หยุดอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสพักผ่อน
นอกจากเลี้ยงแมวแล้ว อย่างอื่นทำอะไรอีก ?
มาร์ค : ก็มีงานค้างอยู่บ้าง เช่นรับงานบรรยาย มีงานสังคมที่เรายังต้องไปอยู่ ถ้าอยู่บ้านก็อ่านหนังสือ ติดตามข่าว ฟังเพลง
เมื่อก่อนทำงานเพื่อสังคม เดี๋ยวนี้ทำงานเพื่อแมว ? มีแฮชแท็กพี่มาร์คทาสแมว ?
มาร์ค : ที่จริงมันไม่ใช่ทาสแมวนะ มันเป็นทาสของทาสแมว เริ่มจากลูกสาวผมเค้าเลี้ยงแมวอยู่สองตัว ซื้อมาอีกตัวเป็นสามตัว ผมนี่เฉย ๆ ไม่ได้ชอบแมว แต่เค้ามีบ้านแยกอยู่นะ พอเค้าไปเรียนต่างประเทศเค้าก็ฝากให้ช่วยดู ระหว่างที่เค้าไปเรียนมันก็ออกลูก ออกหลานมาเป็น 26 ตัว พันธ์สก๊อตติช โฟลด์ ที่มารับดูแลแมวเพราะลูกสั่ง เลยเป็นทาสของทาสแมวอีกที
แมว 26 ตัว ตอนนี้ได้แฮชแท็กทาสแมว พี่คุยอะไรกับเค้ามั่ง ?
มาร์ค : ไม่ถึงกับคุยหรอก ก็เล่นกับเค้า ส่วนใหญ่เล่นก็ให้ขนมให้อาหาร แต่ละตัวจะนิสัยไม่เหมือนกัน บางตัวเค้าก็มาหาเรา แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนใหญ่จะทะเลาะกันเรื่องอาหาร เรื่องที่
สมัยก่อนพี่ฮอตมาก ?
มาร์ค : ไม่หรอก อย่างที่บอกว่าแต่ก่อนผมเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ใช่คนเที่ยวอะไรมากมาย คนส่วนใหญ่มองว่าจริงจัง เพื่อน ๆ แซวว่าจะมีชีวิตวัยรุ่นอย่างเค้ามั่งมั้ย ผมเริ่มเข้ามาช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ชอบติดตามศึกษางานไปดูการปราศรัย ตั้งแต่เด็ก ๆ ไปนั่งฟังอยู่ในสภา
เห็นว่าเคยมีนักศึกษาเอาการ์ดวาเลนไทน์มาให้พี่มาร์คด้วย ?
มาร์ค : ก็รับมา แต่ไม่รู้ว่าใคร
แล้วพี่เอาการ์ดนั้นไปให้ภรรยา ?
มาร์ค : นโยบายโปร่งใสครับ
พี่มาร์คมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับสามีภรรยาเรื่องการซื่อสัตย์ ความไว้วางใจ ในเรื่องของการใช้ชีวิต ?
มาร์ค : คนสองคนที่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมันก็ต้องมีความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน
เคยติดงานเยอะมาก แล้วภรรยาแล้วลูกว่ายังไง ?
มาร์ค : เค้ารู้ตั้งแต่เป็นแฟนกันแล้วว่าผมจะทำงานการเมือง พ่อเค้าก็เคยลงสมัคร ส.ส ลูกผมคนแรกเกิดมาผมก็เป็นนักการเมืองแล้ว ผมก็พยายามแบ่งเวลา บริหารเวลา เวลาว่างก็อยู่กับครอบครัว
สำหรับพี่มาร์คการเติมเต็มความรักให้กับครอบครัวรูปแบบของพี่ทำยังไง ?
มาร์ค : ความรักเกิดจากตัวเราเอง คนมีความรักมันก็ต้องมีความห่วงใยกัน ใส่ใจกัน ให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน
ถามเรื่องคู่จิ้นกับหลานน้องไอติม ?
มาร์ค : จริง ๆ ก็หลีกเลี่ยงที่จะอยู่ด้วยกัน เพราะเค้าก็ตัดสินใจเข้ามาสู่การเมืองก็ไม่ได้มาเกี่ยวอะไรกับผม เข้ามาที่พรรคก็มีคนบอกว่าหน้าตาก็คล้าย ๆ กัน วิธีการพูดจาก็คล้ายกัน เค้าก็กังวลเพราะเค้าก็อยากเป็นตัวของตัวเอง เพราะเค้าก็คิดว่าไม่ได้จะมาทำอะไรเหมือนผม ในที่สุดก็ต้องไปหาเสียงด้วยกันบ้าง
มีการแนะนำอะไรบ้างมั้ย ?
มาร์ค : ไม่มีเลยครับ เค้าเก่งกว่านะ เรียนหนังสือก็เก่งกว่าผม เรียนรู้อะไรเร็วมาก เค้าอาจจะไม่เคยทราบที่มาที่ไปเรื่องนั้น เรื่องนี้เค้าก็จะถามผม เป็นมายังไง ผมคิดยังไง เค้าก็เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง
เคยรู้สึกมั้ยว่า หลานตั้งแต่เด็กจนโตเค้าแอบมองเราอยู่ ?
มาร์ค : ไม่เลยครับ เจอเค้าตอนเล็กๆ พอเค้าไปเรียนต่างประเทศก็แทบไม่เจอเค้าเลย เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเรียนโรงเรียนเดียวกัน เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน วิชาเดียวกัน มีช่วงเค้ากลับมาเค้ามาของฝึกงานที่พรรค แต่ก็ยังไม่ทราบนะว่าเค้าจะเข้าการเมืองมั้ย จนปีที่แล้วเค้าก็บอกว่าจะสมัคร ส.ส.
ภูมิใจมั้ยหลานมาเส้นเดียวกับเราเลย?
มาร์ค : ก็ดีใจนะ เป็นหลานแหละ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจสูง
อีก 10 ปีข้างหน้าอยากเห็นประเทศไทยเป็นแบบไหน ?
มาร์ค : สำหรับผม 10 ปี อาจดูเหมือนนาน แต่ไม่นาน ในแง่กายภาพก่อน การมีสิ่งอำนวยความสะดวก ความทันสมัย เราก้าวทันเค้า แต่ผมยังอยากเห็นปประเทศไทยที่ยังรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นสังคมไทยเอาไว้ แล้วเราก็อยากจะเห็นการแก้ปัญหาที่มันหมักหมมมานาน ๆ เรื่องเศรษฐกิจ ที่มันมีความเหลื่อมล้ำสูง อยากเห็นความเสมอภาคเท่าเทียมกันมากกว่านี้ มีสวัสดิการที่ดี โดยเฉพาะเรากำลังจะเป็นสังคมที่มีคนสูงวัยเยอะมาก การเมืองก็อยากให้ดีกว่านี้ อยากให้ลดการขัดแย้ง การสร้างการเกลียดชัง มาว่ากันด้วยเหตุด้วยผล
ที่มา รายการ คุยแซ่บShow
SHARE
FOLLOW US