ตำรวจรัสเซียจับกุมผู้ประท้วงเกือบ 1,400 คน หลังออกมาชุมนุมกันในกรุงมอสโกเมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) เพื่อเรียกร้องการเลือกตั้งที่เป็นอิสระ และยุติธรรม ถือเป็นการกวาดล้างการชุมนุมครั้งใหญ่สุดของประเทศในรอบหลายปี
เจ้าหน้าที่ประเมินว่า มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตนี้ราว 3,500 คน โดยตำรวจได้กระบองเข้าสลายฝูงชน ที่พยายามรวมตัวกันบริเวณด้านหน้าศาลากลาง ในกรุงมอสโก จนทำให้มีผู้ประท้วงบางรายได้รับบาดเจ็บ
การชุมนุมดังกล่าวมีขึ้น หลังทางการขัดขวางไม่ให้ผู้สมัครแกนนำฝ่ายค้านสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น และยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ชาวรัสเซียมีความไม่พอใจเพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับมาตรฐานการครองชีพที่ลดต่ำลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำประเทศร่วงลง
เมื่อสัปดาห์ก่อน มีชาวรัสเซียราว 20,000 คน ออกมาเดินขบวนไปตามท้องถนน เรียกร้องให้ทางการยกเลิกคำสั่งห้ามแกนนำฝ่ายค้าน ลงเลือกตั้งสภาท้องถิ่น ที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายนนี้
หลังการเดินขบวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวนจำนวนหนึ่งได้บุกเข้าค้นบ้าน และสำนักงานใหญ่ของผู้สมัครที่ถูกตัดสิทธิ์การลงเลือกตั้ง ขณะที่นายอเล็กไซ นาวัลนีย์ นักวิจารณ์รัฐบาลตัวยง โดนจำคุก 30 วัน ฐานเรียกร้องให้มีการประท้วงรอบใหม่
ส่วนการประท้วงครั้งล่าสุดนี้ ก็มีบุคคลที่อาจจะลงเลือกตั้งหลายคนโดนควบคุมตัวไว้ก่อนหน้า หรือระหว่างการชุมนุม ซึ่งคณะทำงานของนายนาวัลนีย์ ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการชุมนุมประท้วงอีกครั้งในสุดสัปดาห์หน้า
โอวีดี อินโฟ องค์กรที่ติดตามการชุมนุมต่างๆ รายงานในวันนี้ (28 ก.ค.)ว่า มีผู้ชุมนุมโดนจับกุมไป 1,373 คน พร้อมระบุว่า เป็นการจับกุมจำนวนมากสุด นับแต่การชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่เมื่อปี 2555 ที่มีชาวรัสเซียหลายหมื่นคนออกมาประท้วงกรณีนายปูติน ได้กลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอีกครั้ง หลังจากที่เป็นนายกรัฐมนตรีมานาน 4 ปี
ทางด้านสหรัฐ และสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกมาประณามการจับกุมดังกล่าว โดยสถานทูตสหรัฐ ในกรุงมอสโก ระบุว่า เป็นการใช้กำลังตำรวจอย่างไม่เหมาะสม และเป็นการละเมิดสิทธิในกระบวนการประชาธิปไตยของประชาชน
ส่วนอียู บอกว่า การกระทำของตำรวจ เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของการแสดงออกอย่างเสรี และการชุมนุม