Business

อัลติจูดน้องใหม่มาแรงขอ 3 ปีขึ้นท้อป 3 ตลาดบ้านหรู

Chayapol Altitute

นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มุ่งพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง ระดับลักซัวรี่ใจกลางเมือง เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารได้วางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท คือ พัฒนาที่อยู่อาศัยกลางเมืองทั้งแนวราบ และแนวสูง บนขนาดที่ดินไม่ใหญ่มาก

แต่เน้นตลาดบ้านระดับหรู เพราะที่ดินในเมืองหายากขึ้นทุกวัน แต่ในทางกลับกัน ที่ดินประเภทนี้เป็นที่ต้องการของ ผู้บริโภคจำนวนมาก ซึ่งอัลติจูดจะเข้ามาจับตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นตลาดที่มี Demand มาก แต่กลับมี Supply น้อย

อัลติจูดใช้ช่องว่างทางการตลาดนี้ มาเป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งพัฒนาให้เป็นโครงการที่เป็น Niche Luxury มุ่งเจาะกลุ่มผู้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย หรือ Young Success ที่ต้องการอยู่อาศัยในเมือง เพราะเดินทางสะดวก มีไลฟ์สไตล์ในแบบที่ต้องการ และสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ครอบครองได้เป็นอย่างดี

ด้วยกลยุทธ์นี้อัลติจูดมั่นใจว่า จะผลักดันให้บริษัทฯขึ้นแท่นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับ ท้อป 3 ในเซกเม้นท์บ้านลักซัวรี่ราคา 20 ล้านบาท และโฮมออฟฟิตราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปภายใน 3 ปี

Mastery

ที่ผ่านมาอัลติจูด เปิดขายโครงการแล้ว ทั้งสิ้น 5 โครงการ คือ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ ได้แก่ อัลติจูด มาสเตอรี่, โฮมออฟฟิต 1 โครงการ คือ โครงการอัลติจูด พรูฟ เกษตร-นวมินทร์ ส่วนคอนโดมิเนียมมีอีก 3 โครงการ คือ อัลติจูด ดีไฟน์, อัลติจูด สามย่าน-สีลม และโครงการ โอกาส ซึ่งทุกโครงการ ล้วนได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีมาก

สำหรับในปี 2561 อัลติจูดเปิดขายอีก 4 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ อัลติจูด มาสเตอรี่ 1 โครงการ, โฮมออฟฟิต 1 โครงการ ได้แก่ โครงการอัลติจูด พรูฟ พระราม 9 และ คอนโดมิเนียม อีก 2 โครงการ โดยอยู่ย่านเจริญกรุง 1 โครงการ และอีก 1 โครงการ เป็นแบรนด์ใหม่ ชื่อ อาสะ (ASA) อยู่ที่โรจนะ จังหวัดอยุธยา ติดกับโลตัส โรจนะ

โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ 2,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมาจากการโอนโครงการที่เปิดขายเมื่อปีที่แล้ว คือ โครงการอัลติจูด มาสเตอรี่, อัลติจูด พรูฟ เกษตร-นวมินทร์

นอกจากนี้ เตรียมเปิดคอนโดอีก 2 โครงการ และวางแผนขึ้นสู่การเป็นท้อป 3 ในเซคเม้นท์สำหรับบ้านลักซัวรี่ราคา 20 ล้านบาท และโฮมออฟฟิศราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้บริษัทต้องวางแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบ เพราะต้องการรับรู้รายได้ และต้องการยอดโอนในทุกไตรมาส ทำให้ต้องเข้มข้นในการวางแผนพัฒนาโครงการ ซึ่งจะพัฒนาแนวราบกับแนวสูงควบคู่กันไป โดยในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ไป อัลติจูดวางเป้าเปิดตัวโครงการ 7,000 ล้านบาท

Kwanchai Altitute

ด้านนายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เผยถึงการสร้างแบรนด์ และการทำงานด้านการตลาดว่า โจทย์ที่ได้รับมา คือ ต้องทำการตลาดเพื่อส่งให้แบรนด์สินค้า และแบรนด์บริษัทเกิดการจดจำให้ได้ ด้านการทำแบรนด์สำหรับสินค้านั้น เราได้วาง Brand Segmentation ผ่านชื่อโครงการ ได้แก่

  • แบรนด์อัลติจูด มาสเตอรี่ (Mastery) ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับบ้านเดี่ยวระดับลักซัวรี่ ราคา 20-45 ล้านบาท
  • แบรนด์อัลติจูด พรูฟ (Prove) เป็นแบรนด์สำหรับโฮมออฟฟิต ราคาประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป
  • คอนโดมิเนียมแบรนด์อัลติจูด จะเป็นแบรนด์สำหรับคอนโดลักซัวรี่กลางเมือง
  • คอนโดมิเนียมแบรนด์ อาสะ (ASA) เป็นสินค้าเดียวที่อัลติจูดพัฒนาขึ้นมาโดยเป็น Effortable Condo โดยโครงการแรกที่กำลังจะเปิดตัว คือ โครงการอาสะ อยุธยา-โรจนะ การวางแบรนด์สินค้าที่ชัดเจน จะสร้างการจดจำที่ง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าของบริษัทได้ง่ายขึ้นด้วย

สำหรับในปี 2561 อัลติจูดจะเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านโลกดิจิทัล และบุกทุกสื่อ เพื่อสร้างการรับรู้ ให้รู้จักแบรนด์อัลติจูดให้มากที่สุด ทั้ง Below the line และ Above the line เพื่อทำการตลาดสร้างแบรนด์ควบคู่กันไป

สำหรับมุมมองด้านภาพรวมของตลาดอสังหาฯ นายขวัญชัย กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าในทุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังมีช่องว่างที่มี demand มากกว่า supply เสมอ หากเราวิเคราะห์ตลาดได้ชัดเจน และสร้างความแตกต่างได้ เราก็สามารถเติบโตได้ เช่น ตลาดแนวราบชานเมืองปัจจุบันยังมีที่จัดสรร รอสร้าง รอโอน เหลือเป็นจำนวนมากพอสมควร หลายโครงการ มีต้นทุนต่ำ เพราะเป็นที่ดินที่ซื้อสะสมไว้ก่อนหน้า

แต่หากผู้พัฒนาโครงการรายใหม่ที่ไม่มีที่ดินสะสมมาก่อน หรือเข้าสู่ ตลาดภายหลัง อาจมีจะความเสียเปรียบ และต้องเฉลี่ยกับหลายๆ โครงการที่มีอยู่ก่อน เรามองถึงโอกาส ในการเติบโต มองช่องทางใหม่ๆ เช่น คอนเซ็ปต์ บ้านหรูใจกลางเมือง หรือ โฮมออฟฟิตใจกลางเมือง มีโครงการใหม่เกิดขึ้นน้อย และแทบไม่มีโครงการสะสมรอขายเลย แต่ demand ยังคงมีสม่ำเสมอ

อีกทั้งราคาต่อหน่วย ที่ถีบตัวสูงขึ้นทำให้ โครงการที่มีเพียงไม่กี่ยูนิต แต่มีมูลค่าของโครงการสูงกว่าโครงการแนวราบขนาดใหญ่ชานเมือง สามารถเติบโตได้ดี ซึ่งโครงการขนาดไม่ใหญ่มากแบบนี้ สามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้ได้รวดเร็ว เพียงแต่ผู้ประกอบการจำเป็นต้อง มีศักยภาพในด้านการตลาด การขาย การออกแบบ และการควบคุมคุณภาพ งานก่อสร้างให้ดีด้วย”

บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ภายใต้ แบรนด์ 4 แบรนด์ ได้แก่ ASA คอนโดมิเนียม, ALTITUDE พรีเมียมคอนโดมิเนียม, Mastery บ้านเดี่ยวสุดหรูใจกลางเมือง และ Prove โมเดิร์นโฮมออฟฟิศ มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท

Avatar photo