ตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย เปิดซื้อขายเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.) เดินหน้าสู่ขาลง ในทิศทางเดียวกับหุ้นสหรัฐ ท่ามกลางแรงกดดันจากความวิตกรอบใหม่ถึงการเกิดสงครามการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ 2 ชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลก
ดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่น ปรับตัวลงมา 0.43% หรือ 97.89 จุด มาอยู่ที่ 22,582.44 จุด ส่วนดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง ร่วงลง 1.02% หหรือ 310. 40 จุด ที่ 29,999.01 จุด ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ดิ่งลง 1.30% หรือ 39.25 จุด ที่ 2,982.65 จุด
เทรดเดอร์ ชี้ว่า นักลงทุนพากันเก็บตัวอยู่นอกตลาด เพราะกังวลถึงการเกิดสงครามการค้าสหรัฐ-จีน จากการที่ทั้ง 2 ฝ่าย พากันจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของแต่ละฝ่าย แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
ความวิตกดังกล่าวยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศแผนการล่าสุด จ่อเก็บภาษี 10% ในสินค้าจีนที่นำเข้ามายังสหรัฐ คิดเป็นมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากการเก็บภาษี 25% ในสินค้ารวม 50,000 ล้านดอลลาร์ ต่อการกระทำที่ “ยอมรับไม่ได้” ของจีน ในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ
ทรัมป์เตือนด้วยว่า หากจีนยังเพิ่มภาษีอีก ก็จะมีการใช้มาตรการภาษีใหม่ดังกล่าว
ขาลงของตลาดเอเชีย ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดสหรัฐ เมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) ที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากอย่างไรก็ตาม การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีช่วยให้ตลาดสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันได้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,987.47 จุด ร่วงลง 103.01 จุด หรือ 0.41% ดัชนี เอส แอนด์ พี 500 ปิดที่ 2,773.75 จุด ลดลง 5.91 จุด หรือ 0.21% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 7,747.02 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด หรือ 0.01%
