หุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ (26 ก.ค.) ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการที่ไร้ทิศทางชัดเจนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดอเมริกัน และเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 ปีเพียงเล็กร้อย หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม แม้จะมีการส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่า จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนก็ตาม
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดลดลง 109.02 จุด หรือ 0.50% ที่ 21,647.53 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดฮ่องกงลดลง 137.75 จุด หรือ 0.48% ที่ 28,456.55 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ปรัดลงมา 2.62 จุด หรือ 0.09% ที่ 2,934.74 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ลดลง 24.22 จุด หรือ 0.72% ที่
3,357.04 จุด
ขณะที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดซื้อขายเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) ที่ 27,140.98 จุด ลดลง 128.99 จุด หรือ 0.47% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,003.67 จุด ลดลง 15.89 จุด หรือ 0.53% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 8,238.54 จุด ลดลง 82.96 จุด หรือ 1.00%
นักลงทุนพากันผิดหวังต่อการที่อีซีบี มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ สวนทางกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าอีซีบีจะลดดอกเบี้ยลงมา ทั้งนายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ยังกล่าวว่า ยูโรโซนมีความเสี่ยงต่ำที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า ประธานอีซีบียังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และอาจจะไม่เร่งดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ตลาดยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้เช่นกัน
ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนกันยายน ปิดซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ขยับขึ้นมา 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 56.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 63.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขาลงของน้ำมันเป็นผลมาจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 แต่ยังโดนสกัดขาลงจากความกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
