นางศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้พัฒนาโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” เมืองในป่ามูลค่า 9 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่ 300 ไร่ริมถนนบางนา-ตราด กม.7 เผยว่า ล่าสุด บริษัทได้ ทุ่มงบกว่า 70 ล้านบาท เปิดแคมเปญ “Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว” หรือปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติ ผ่านวิดีโอคอนเทนต์ พร้อมเปิดช่องทางรับเรื่องให้ความช่วยเหลือต้นไม้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผ่านwww.facebook.com/theforestias โดยติด แฮชแท็ก #ForestRescue รวมทั้งจัดทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกิจ เข้าสำรวจพื้นที่ ขนย้าย และพักฟื้น โดยนักนิเวศวิทยาที่มีประสบการณ์สูง และแบ่งปันพื้นที่สีเขียวสาธารณะภายในโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ให้ต้นไม้ได้พักพิงในพื้นที่ 3 ไร่ หรือ 4,800 ตารางเมตร จากพื้นที่สวนสาธารณะจำนวน 30 ไร่
กิจกรรมนี้เป็นแคมเปญแรก ที่จะสร้างการรับรู้ และสร้างการมีส่วนร่วม ของคนในสังคมกับโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ บนเนื้อที่ 300 ไร่ ริมถนนบางนา-ตราด มูลค่าโครงการ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งภายในโครงการจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส มีที่พักอาศัยทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงแรม และพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งจะลงทุนพัฒนาโครงการกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่
กู้ชีพต้นไม้นำสู่บ้านใหม่ “เดอะ ฟอเรสเทียส์”
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการแบบมิกซ์ยูส โมเดลแรกของโลก ที่ครบบริบูรณ์ด้วย แนวความคิดหมวดใหญ่ 4 ประการ หรือ Eternal 4 ได้แก่ 50 Shades of Nature ความสุขในการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติระบบนิเวศขนาดใหญ่ Connecting 4 Generations ความสุขในการดีไซน์พื้นที่ความอบอุ่นให้กับครอบครัวได้ใช้ชีวิตร่วมกันครอบคลุมถึง 4 เจนเนอเรชั่น Community of Dreams ความสุขบนพื้นที่และสาธารณูปโภคที่ให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน และ Sustainnovation for Well-being ความสุขด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
แคมเปญ “Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว” ปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่มต้นและดำเนินการด้วยมุมมองที่ต้องการช่วยเหลือและอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ออกซิเจนให้สังคมเมืองมากขึ้น โดยทางแมกโนเลียฯ ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการที่เรียกว่า Forest Rescue Team ประกอบด้วย นักนิเวศวิทยาที่มีประสบการณ์สูง ผู้ดูแลต้นไม้ (รุกขกร) และผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ลงสำรวจพื้นที่รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อวางแผนและประเมินสถานการณ์ ดำเนินการเคลื่อนย้ายต้นไม้จากจุดเดิมไปยังระบบนิเวศบ้านหลังใหม่ ในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ แคมเปญนี้ได้เปิดช่องทางในการติดต่อสื่อสาร และแจ้งข้อความช่วยเหลือต้นไม้ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ค ที่เพจ www.facebook.com/theforestias หรือ แฮชแท็ก #ForestRescue โดยกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการทั้งสิ้น 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคมนี้ โดยต้นไม้ที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งหมด จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศภายในโครงการ “THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์” บนพื้นที่ 3 ไร่ หรือ 4,800 ตารางเมตร
ต้นไม้แต่ละต้นที่ได้รับการช่วยเหลือ จะถูกติดป้ายบ่งบอกถึงที่อยู่เดิม เพื่อให้เจ้าของเดิม หรือประชาชนทั่วไปเข้ามาเยี่ยมเยียน พักผ่อน หรือศึกษาระบบนิเวศธรรมชาติ ซึ่งจะเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะส่วนหนึ่ งให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
เตรียมเปิดขายโครงการต้นปี 62
ส่วนการพัฒนาโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ผู้บริหารแมกโนเลียฯ เผยว่า ขณะที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยการปรับพื้นที่ และเตรียมพัฒนาอาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทั้งในส่วนของคอนโดมิเนียมพักอาศัย บ้านเดี่ยวภายในโครงการ ที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ พื้นที่ส่วนโรงแรม 2 แห่ง อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งในส่วนของที่พักอาศัย จะเปิดขายในช่วงต้นปี 2562 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบกำหนดรายละเอียด โดย พื้นที่ให้บริการส่วนอื่นๆ ในโครงการ ล้วนอยู่ระหว่างการออกแบบ อย่างไรก็ตาม งานก่อสร้างโครงการมีกำหนดแล้วเสร็จพร้อมกันภายในปี 2564
โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผืนป่า และการปลูกต้นไม้ซึ่งในพื้นที่ 300 ไร่บนถนนบางนา-ตราด จะได้รับการพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวกว่า 60% เนื่องจากต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ซึ่งข้อมูลจากทีมนักวิจัยจาก Lawrence Livermore National Laboratory ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวไว้ว่า การปลูกต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น ให้ความเย็นเท่ากับเครื่องปรับอากาศ 1 ตัน ที่ให้ความเย็น ประมาณ 12,000 บีทียู
อีกทั้งร่มเงาของต้นไม้ยังช่วยบังแสงอาทิตย์ที่ส่งมาสร้างความร้อนให้กับตัวบ้านได้ทั้งวัน จึงสามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศในบ้านลง ผลที่ตามมา คือ ค่าไฟที่ลดลงถึง 20% ต่อปีและหากมีต้นไม้ปลูกทางทิศตะวันตกของตัวบ้าน จะช่วยลดความร้อนและประหยัดพลังงานได้ราว 10%