Business

แมกโนเลียทุ่ม70ล.เปิดแคมเปญแรกเดอะฟอเรสเทียส์

POM 9575

นางศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้พัฒนาโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” เมืองในป่ามูลค่า 9 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่ 300 ไร่ริมถนนบางนา-ตราด กม.7 เผยว่า ล่าสุด บริษัทได้ ทุ่มงบกว่า 70 ล้านบาท เปิดแคมเปญ “Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว” หรือปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติ ผ่านวิดีโอคอนเทนต์ พร้อมเปิดช่องทางรับเรื่องให้ความช่วยเหลือต้นไม้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผ่านwww.facebook.com/theforestias โดยติด แฮชแท็ก #ForestRescue  รวมทั้งจัดทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกิจ เข้าสำรวจพื้นที่ ขนย้าย และพักฟื้น โดยนักนิเวศวิทยาที่มีประสบการณ์สูง และแบ่งปันพื้นที่สีเขียวสาธารณะภายในโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์”  ให้ต้นไม้ได้พักพิงในพื้นที่ 3 ไร่ หรือ 4,800 ตารางเมตร จากพื้นที่สวนสาธารณะจำนวน  30 ไร่

กิจกรรมนี้เป็นแคมเปญแรก ที่จะสร้างการรับรู้ และสร้างการมีส่วนร่วม ของคนในสังคมกับโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ บนเนื้อที่ 300 ไร่ ริมถนนบางนา-ตราด มูลค่าโครงการ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งภายในโครงการจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส มีที่พักอาศัยทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงแรม และพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งจะลงทุนพัฒนาโครงการกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่

POM 9597

กู้ชีพต้นไม้นำสู่บ้านใหม่ “เดอะ ฟอเรสเทียส์”

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการแบบมิกซ์ยูส โมเดลแรกของโลก ที่ครบบริบูรณ์ด้วย แนวความคิดหมวดใหญ่ 4 ประการ หรือ Eternal 4 ได้แก่ 50 Shades of Nature ความสุขในการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติระบบนิเวศขนาดใหญ่ Connecting 4 Generations ความสุขในการดีไซน์พื้นที่ความอบอุ่นให้กับครอบครัวได้ใช้ชีวิตร่วมกันครอบคลุมถึง 4 เจนเนอเรชั่น Community of Dreams ความสุขบนพื้นที่และสาธารณูปโภคที่ให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน และ Sustainnovation for Well-being ความสุขด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

แคมเปญ “Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว” ปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่มต้นและดำเนินการด้วยมุมมองที่ต้องการช่วยเหลือและอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ออกซิเจนให้สังคมเมืองมากขึ้น  โดยทางแมกโนเลียฯ ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการที่เรียกว่า Forest Rescue Team ประกอบด้วย นักนิเวศวิทยาที่มีประสบการณ์สูง ผู้ดูแลต้นไม้ (รุกขกร) และผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ลงสำรวจพื้นที่รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อวางแผนและประเมินสถานการณ์ ดำเนินการเคลื่อนย้ายต้นไม้จากจุดเดิมไปยังระบบนิเวศบ้านหลังใหม่ ในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ แคมเปญนี้ได้เปิดช่องทางในการติดต่อสื่อสาร และแจ้งข้อความช่วยเหลือต้นไม้ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ค ที่เพจ www.facebook.com/theforestias หรือ แฮชแท็ก  #ForestRescue โดยกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการทั้งสิ้น 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคมนี้ โดยต้นไม้ที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งหมด จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศภายในโครงการ “THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์” บนพื้นที่ 3 ไร่ หรือ 4,800 ตารางเมตร

ต้นไม้แต่ละต้นที่ได้รับการช่วยเหลือ จะถูกติดป้ายบ่งบอกถึงที่อยู่เดิม เพื่อให้เจ้าของเดิม หรือประชาชนทั่วไปเข้ามาเยี่ยมเยียน พักผ่อน  หรือศึกษาระบบนิเวศธรรมชาติ  ซึ่งจะเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะส่วนหนึ่ งให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

B2CD0F96 A357 496E 9FB0 693C625A3190

เตรียมเปิดขายโครงการต้นปี 62

ส่วนการพัฒนาโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ผู้บริหารแมกโนเลียฯ เผยว่า ขณะที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยการปรับพื้นที่ และเตรียมพัฒนาอาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทั้งในส่วนของคอนโดมิเนียมพักอาศัย บ้านเดี่ยวภายในโครงการ ที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ  พื้นที่ส่วนโรงแรม 2 แห่ง อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งในส่วนของที่พักอาศัย จะเปิดขายในช่วงต้นปี 2562 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบกำหนดรายละเอียด โดย พื้นที่ให้บริการส่วนอื่นๆ ในโครงการ ล้วนอยู่ระหว่างการออกแบบ อย่างไรก็ตาม งานก่อสร้างโครงการมีกำหนดแล้วเสร็จพร้อมกันภายในปี 2564

โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผืนป่า และการปลูกต้นไม้ซึ่งในพื้นที่ 300 ไร่บนถนนบางนา-ตราด จะได้รับการพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวกว่า 60% เนื่องจากต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ซึ่งข้อมูลจากทีมนักวิจัยจาก Lawrence Livermore National Laboratory ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวไว้ว่า การปลูกต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น ให้ความเย็นเท่ากับเครื่องปรับอากาศ 1 ตัน ที่ให้ความเย็น ประมาณ 12,000 บีทียู

อีกทั้งร่มเงาของต้นไม้ยังช่วยบังแสงอาทิตย์ที่ส่งมาสร้างความร้อนให้กับตัวบ้านได้ทั้งวัน จึงสามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศในบ้านลง ผลที่ตามมา คือ ค่าไฟที่ลดลงถึง 20% ต่อปีและหากมีต้นไม้ปลูกทางทิศตะวันตกของตัวบ้าน จะช่วยลดความร้อนและประหยัดพลังงานได้ราว 10%

 

 

Avatar photo