คนตะวันออก 4 จังหวัดประสานเสียงหนุน “ทางคู่สายใหม่ ชลบุรี-ตราด” 333 กม. ด้านการรถไฟฯ รับ EIRR กว่าเป้า แต่ “สภาพัฒน์” พร้อมช่วยซัพพอร์ต เล็ํงของบปี 63 อีก 120 ล้านบาท ออกแบบรายละเอียดต่อ
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 23-26 กรกฎาคม 2562 การรถไฟฯ และบริษัทที่ปรึกษาจะจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใหญ่ระดับจังหวัด เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามแนวเส้นทางการศึกษา “โครงการก่อสร้างทางคู่ สายชุมทางศรีราชา – ระยอง และ มาบตาพุด – ระยอง – จันทบุรี – ตราด – คลองใหญ่” ซึ่งจะนำไปจัดทำข้อสรุปผลการศึกษา ตลอดจนพัฒนาสู่แนวคิดการออกแบบให้เกิดความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน
การรับฟังความคิดเห็นจะจัดขึ้น 4 ครั้ง ใน 4 จังหวัด ได้แก่ เมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) จัดที่โรงแรมพานหิน รีเจ้นท์ ศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี, วันนี้ (24 ก.ค.) โรงแรมเอวาด้า อำเภอเมือง จังหวัดตราด, พรุ่งนี้ (25 ก.ค.) โรงแรมเคพีแกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี และวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 โรงแรมโกลเด้นซิตี้ระยอง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
แบ่งเส้นทางเป็น 3 ช่วง
สำหรับโครงการรถไฟทางคู่สาย ชุมทางศรีราชา-ระยอง และ มาบตาพุด-ระยอง-จันทบุรี-ตราด-คลองใหญ่ เป็นเส้นทางรถไฟสายใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เส้นทางผ่าน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี, จังหวัดระยอง, จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด
จุดเริ่มต้นโครงการอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และสิ้นสุดที่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด มีสถานีรถไฟทั้งหมด 34 สถานี ระยะทางรวม 333 กิโลเมตร สำหรับแนวเส้นทางที่โครงการคัดเลือกแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่
- แนวเส้นทางช่วงที่ 1 เส้นทางเชื่อมโยงนิคมอุตสาหกรรมสู่นิคมอุตสาหกรรม มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อจากสถานีชุมทางศรีราชาหรือสถานีบางละมุง มาถึงสถานีมาบตาพุด ซึ่งเส้นทางช่วงที่ 1 จะผ่านนิคมอุตสาหกรรมในบริเวณใกล้เคียงจำนวน 7 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง, นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1, 2, และ 3, นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ระยอง, นิคมอุตสาหกรรมอีสเทริ์นซีบอร์ด และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
- แนวเส้นทางช่วงที่ 2 เส้นทางเชื่อมโยงนิคมอุตสาหกรรมสู่พื้นที่อำเภอเมืองระยอง ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อสถานีมาบตาพุด ถึงอำเภอเมือง จังหวัดระยอง
- แนวเส้นทางช่วงที่ 3 เส้นทางเชื่อมโยงโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor) และการท่องเที่ยว มีจุดเริ่มต้นจากอำเภอเมือง จังหวัดระยอง ผ่านพื้นที่ 4 อำเภอใน จังหวัดจันทบุรี และสิ้นสุดที่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด โดยมีพื้นที่ย่านเก็บกองและขนถ่ายตู้สินค้า (Container Yard : CY) ที่มีความเหมาะสมสำหรับรองรับอุตสาหกรรมในพื้นที่ เบื้องต้นกำหนดพื้นที่ CY ไว้ 3 แห่ง ได้แก่ 1.บริเวณใกล้ทางเข้านิคมอมตะซิตี้ระยอง 2. บริเวณอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และ 3.บริเวณ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด โดยก่อสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot) ใกล้กับสถานีเมืองตราดอีก 1 แห่ง
ดึงเอกลักษณ์ท้องถิ่นออกแบบสถานี
แนวทางแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟมี 6 รูปแบบ ได้แก่ 1.ทางรถไฟยกระดับ 2.ทางลอด 3.สะพานกลับรถ 4.ถนนยกระดับข้ามทางรถไฟ 5.ถนนเชื่อมจุดตัดใกล้เคียง และ 6.อุโมงค์รถไฟ นอกจากนี้ได้เตรียมมาตรการป้องกันและการแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนในบริเวณแนวเส้นทางก่อสร้าง เช่น การฉีดพรมน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาฝุ่นละอองขณะก่อสร้างบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง และติดตั้งเครื่องหมายจราจร ไฟเตือน ป้ายเตือน ตลอดแนวเส้นทางก่อสร้างเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เป็นต้น
ส่วนแนวคิดการออกแบบรูปแบบสถานีรถไฟ จะดึงเอกลักษณ์และสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและอากาศในพื้นที่ภาคตะวันออกที่เป็นชายทะเล พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครับสำหรับผู้ใช้บริการ
หากโครงการรถไฟทางคู่สายชุมทางศรีราชา-ระยอง และ มาบตาพุด-ระยอง-จันทบุรี-ตราด-คลองใหญ่แล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับประชาชน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางรางให้กับเกษตรกรในพื้นที่ อีกทั้งช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบในภาคตะวันออก พร้อมทั้งสอดรับการการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม และโลจิสติกส์ของอาเซียนต่อไป
คนตะวันออกหนุนเต็มที่
นายปัฐพงษ์ บุญแก้ว วิศวกรกำกับการควบคุมงานวิศวกรรมโยธาและสถาปัตยกรรม การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในภาพรวมประชาชนตามแนวเส้นทางทั้ง 4 จังหวัดให้การตอบรับโครงการเป็นอย่างดี โดยเฉพาะประชาชนในจังหวัดตราด ที่ต้องการเห็นการพัฒนาและให้การตอบรับดีมาก สำหรับเรื่องการเวนคืนนั้น ประชาชนสอบถามน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่เข้าใจว่าการก่อสร้างจะต้องมีผลกระทบและต้องเวนคืนที่ดินเพื่อพัฒนาเส้นทางใหม่
ด้านตัวเลขผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของโครงการ (EIRR) อยู่ที่ประมาณ 10-11% ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งควรอยู่ที่ 12% แต่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติก็ระบุว่า ถ้าหากเป็นโครงการที่มีความจำเป็น สภาพัฒน์ก็พร้อมช่วยผลักดันให้เกิดขึ้น
นายปัฐพงษ์กล่าวต่อว่า หลังจากการรถไฟฯ รับฟังความคิดประชาชนครบทั้ง 4 จังหวัดในเดือนนี้แล้ว การรถไฟฯ ก็จะสรุปผลการศึกษาความเหมาะสมและเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาต่อไป
ถ้ากระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ เห็นด้วย ก็จะดำเนินการของบประมาณปีงบประมาณ 2563 จำนวน 120 ล้านบาท เพื่อออกแบบรายละเอียด ใช้เวลาประมาณ 8-12 เดือน จึงแล้วเสร็จ ซึ่งในขั้นนี้ก็จะทราบพื้นที่ที่ต้องถูกเวนคืน แต่การรถไฟฯ ก็พยายามวางแนวเส้นทางเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
ขอบคุณภาพประกอบจากการรถไฟแห่งประเทศไทย
ลุยศึกษารถไฟทางคู่สายใหม่ ‘ระยอง-จันท์-ตราด’ ขนทุเรียนแข่งกับรถบรรทุก!