กรมทรัพย์สินทางปัญญาเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาจากสหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) ร่วมติวเข้มและหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์ เว็บไซต์ออนไลน์ชั้นนำ ทั้งช้อปปี้ ลาซาด้า รวมถึงเฟซบุ๊ก กูเกิล ยูทูบ เพื่อร่วมมือกันในการต่อต้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐ อียู สมาคมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นตัวแทนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา และผู้บริหารเว็บไซต์ชั้นนำ ทั้งในส่วนที่เป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าที่คนไทยรู้จักกันทั่วไป อย่างช้อปปี้ ลาซาด้า รวมถึงโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดของโลก อย่างเฟซบุ๊ก และเสิร์ชเอนจิน ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก อย่างกูเกิล และยูทูบ เข้าร่วมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อหารือ และแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต
“การจัดงานในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตัวแทนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา และเว็บไซต์ชั้นนำต่างๆ ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน และร่วมมือกันในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา”
ทั้งนี้ เว็บไซต์ชั้นนำได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการและเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และได้ให้คำแนะนำเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาถึงแนวทางดำเนินการเพื่อป้องปรามการละเมิดบนแพลตฟอร์มของตน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีและเป็นจุดเริ่มต้นที่ทุกฝ่ายจะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาเครือข่ายการทำงานร่วมกัน อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดียิ่งขึ้น
นายดิเรก บุญแท้ รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า กรมยังได้ร่วมกับผู้บริหารเว็บไซต์ช้อปปี้ และลาซาด้า จะปรึกษาหาแนวทางความร่วมมือในการต่อต้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต โดยการประสานความร่วมมือ กำหนดมาตรการ เสริมสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความตระหนักให้แก่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น และไม่สนับสนุนการกระทำละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
“กรม และผู้บริหารเว็บไซต์จะสนับสนุนการประกอบธุรกิจที่ถูกกฎหมายและระบบการค้าที่เป็นธรรม เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต รวมทั้งการซื้อขายสินค้าออนไลน์ และเพื่อปกป้องสิทธิของทั้งเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาและประชาชนผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืนต่อไป”นายดิเรกกล่าว
ปัจจุบันเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 4จี หรือ 5จี ได้ช่วยสร้างโอกาสและสร้างมูลค่าในทางธุรกิจอย่างมหาศาล โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา รูปแบบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้ปรับเปลี่ยนจากการวางขายสินค้าละเมิดในท้องตลาด เป็นการละเมิดบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งการขายสินค้าละเมิดทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทั้งเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาและประชาชนผู้บริโภค
