ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเช้า ครั้งแรกหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม (กห.) เป็นครั้งแรก ทั้งนี้ ทันทีที่ถึงกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในศาลาว่าการกลาโหม กระทรวงกลาโหม ทั้งศาลหลักเมือง เจ้าพ่อหอกลอง 2 แห่ง ร.5, เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ (ผบ.เหล่าทัพ) และข้าราชการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับและร่วมพิธี
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะหารือวงเล็กกับ รมช.กลาโหม และผู้นำเหล่าทัพก่อนจะเดินทางมาเป็นประธานการประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม อาทิ ศาลหลักเมือง ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กรุงรัตนโกสินทร์ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ไม่ว่าจะเริ่มพิธีใดๆ ที่สำคัญของกระทรวงกลาโหม จะมีการสักการะเจ้าพ่อหอกลอง หรือเจ้าพระยาสุรศักดิ์ เดิมเป็นทหารเอกในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือพระเจ้ากรุงธนบุรี โดยเป็นพลรบฝ่ายซ้าย ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นพลรบฝ่ายขวา และนำทหารออกรบกับพม่าทุกครั้ง เชี่ยวชาญในการใช้หอกและชอบให้ทหารตีกลองศึกในเวลาออกรบ ซึ่งศาลของเจ้าพ่อหอกลองจะอยู่ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ ของศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม
พร้อมกันนี้ที่บริเวณหน้าห้องของเจ้ากรมเสมียนตรา มีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานอยู่ด้วย ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของคนในกองทัพ นอกจากนี้ ที่บริเวณชั้น 3 ของศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม มีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ส่วนบริเวณชั้น 2 มีรูปปั้นเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเป็นจอมทัพคนสำคัญในรัชกาลที่ 5 เพราะหลังจากมีการปฏิรูปการปกครอง โดยยกเลิกหัวเมืองเอก โท ตรี จัตวา และยกเลิกหัวเมืองประเทศราช ทำให้เกิดกบฏขึ้นมากมาย เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ได้รับมอบหมายให้นำกองทัพออกไปปราบ เช่น ปราบกบฏเงี้ยว ปราบกบฏฮ่อ ที่หัวเมืองลาว กระทั่งครองยศจอมพลในสมัย ร.6