“สนธิรัตน์” วาง 3 มาตรการเร่งด่วน ใช้กลไกปตท.ชดเชยราคาแอลพีจีให้กลุ่มหาบเร่แผงลอยต่ออีก 2 เดือนสิ้นสุดกันยายน 2562 ก่อนโอนไปช่วยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปตท.เตรียมควักเงินรับภาระต่ออีก 60 ล้านบาท ส่วนเอ็นจีวีให้ศึกษาผลกระทบก่อนวางนโยบายช่วยรถบริการสาธารณะ ด้านไฟฟ้าแย้มมีข่าวดี พร้อมประกาศมาตรการจูงใจให้คนประหยัดไฟฟ้าผ่านกลไกกองทุนอนุรักษ์เร็วๆนี้ ยันจะดึงโครงการพลังงานแก้ปัญหาภัยแล้ง ลงพื้นที่สำรวจ 27 ก.ค.นี้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน เดินหน้า 3 มาตรการเร่งด่วน ประกอบด้วย 1. ลดภาระให้ประชาชน 2. แก้ปัญหาเรื่องราคาปาล์มน้ำมันเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และ 3.แก้วิกฤตภัยแล้ง
โดยเรื่องแรกได้มีการพิจารณามาตรการช่วยเหลือเรื่องราคาก๊าซหุงต้มสำหรับหาบเร่แผงลอย โดยประสานให้ ปตท. ขยายเวลาการช่วยเหลือออกไปอีก 2 เดือนจากเดิมจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ขยายไปจนถึงเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือก๊าซหุงต้มให้กับหาบเร่แผงลอยของกระทรวงพลังงานสามารถเชื่อมโยงกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเรียบร้อยก่อน
ดังนั้นในช่วง 2 เดือนนี้ จะมีการต่ออายุการช่วยเหลือ กลุ่มร้านค้าหาบเร่แผงลอย ที่ให้ส่วนลด 38 บาทต่อถังขนาด 15 กก.จาก 363 บาทเหลือ 325 บาท ซึ่งได้รับสิทธิตามจำนวนใช้จริง ไม่เกิน 75 กก.ต่อเดือน ส่วนภาระของปตท.ที่จะต้องเข้ามาช่วยเหลืออีก 2 เดือนนั้น คิดเป็นเงิน เดือนละ 30 ล้านบาท รวมแล้ว 60 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558 จนถึงเดือนกันยายน 2560 ปตท.รับภาระการช่วยเหลือแอลพีจีรวม 1,936 ล้านบาท
ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาผลกระทบต่างๆ เพราะมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)เดิม ให้ปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีสำหรับกลุ่มรถบริการสาธารณะ อัตรา 3 บาทต่อกก. จาก 10.62 บาทต่อกก. เป็น 13.62 บาทต่อกก. โดยให้ทยอยปรับ ครั้งแรก 16 พฤษภาคม 2562 อัตรา 1 บาทต่อกก. ครั้งที่สอง 16 กันยายน 2562 อีก 1 บาทต่อกก. และครั้งสุดท้าย 16 มกราคม 2563 อีก 1 บาทต่อกก. อย่างไรก็ตามหลังจากปรับแล้ว รถกลุ่มนี้ยังใช้เอ็นจีวีต่ำกว่าราคาอยู่ 2-3 บาทต่อกก. ขณะที่ราคาเอ็นจีวีปกติปรับขึ้นไปอยู่ที่ 16.01 บาทต่อกก.แล้ว หลังจากกบง.มีมติให้ลอยตัวราคาเมื่อปี 2561
สำหรับมาตรการที่สอง เรื่องแก้ปัญหาเรื่องราคาปาล์มน้ำมันเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรนั้น จะมุ่งเน้นแก้ปัญหาด้วยการนำสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) มาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะร่วมมือกันทำงานกับกระทรวงพาณิชย์ โดยมีแนวทางแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาว สำหรับระยะสั้น ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปพิจารณาว่าหากจะให้นำมาทำเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าอีกนั้นจะทำต่อเนื่องได้หรือไม่ และมีผลอย่างไร
ส่วนระยะยาวจะส่งเสริมการใช้ดีเซลบี 7 บี 10 และบี 20 ในภาพรวม โดยให้บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำข้อมูลในรายละเอียดถึงผลกระทบทั้งหมด หากจะมีการส่งเสริมดีเซล ทั้ง 3 ประเภทอย่างจริงจัง ทั้งผลผลิต ความมั่นคงของสินค้าเกษตร และราคา
ทางด้านมาตรการที่ 3 เรื่องปัญหาภัยแล้งนั้น ได้ประสานงานกับพลังงานจังหวัด ให้ลงสำรวจพื้นที่ภัยแล้ง และให้เชื่อมต่อกับโครงการด้านพลังงาน เช่น สูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ โดยตนเองจะลงพื้นที่ในวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคมนี้เพื่อไปติดตามงาน
สำหรับโครงการค่าไฟฟ้าฟรีนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม และผลกระทบว่า จะมีการปรับหลักเกณฑ์การให้ไฟฟ้าฟรีกับครัวเรือนยากจนอย่างไร จากปัจจุบันกำหนดให้กับบ้านเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน และกำลังหามาตรการสร้างแรงจูงใจ ให้คนประหยัดไฟฟ้าด้วย ผ่านกลไกของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ทางด้านกรณีการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจ และผลิต จำกัด ที่ยังไม่ได้ข้อยุตินั้น เบื้องต้นได้รับฟังข้อมูลแล้ว และมอบให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไปจัดทำรายละเอียด และนำมาพิจารณา เพื่อนำไปสู่การเจรจาที่ได้ข้อยุติที่เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิรัตน์ มอบให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติใช้วิธีพูดคุยกับบริษัทเชฟรอน และโททาลก่อน เพื่อรับฟังว่าทั้งสองบริษัทติดขัดประการใด โดยไม่เห็นด้วยที่จะเดินหน้าใช้ข้อกฎหมายบังคับเป็นหลักเพียงอย่างเดียว
