Business

เจาะเทรนด์ท่องเที่ยวสุขภาพ‘คู่รักชาวจีน’

ดร.เหว่ย เซียง ยู ผู้บุกเบิกด้าน  TMT  เฮลท์แคร์   ซึ่งเป็นวิวัฒนาการด้านสุขภาพ ที่ผนวกรวมเทคโนโลยี  นวัตกรรมด้านการสื่อสาร และ เทเลคอมมิวนิเคชั่นให้เป็นหนึ่งเดียว  รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท Borderless Healthcare  Group of companies  ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินการให้บริการด้านสุขภาพแบบไร้พรมแดนทั่วโลก  ได้ประกาศความร่วมมือกับบุคลากรวงการแพทย์ระดับแนวหน้าของ  เพื่อประกาศ “ความร่วมมือด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มผู้มีบุตรยากเพื่อตอบสนองนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของรัฐบาลจีน” (Fertility Wellness Tourism)

ดร.เหว่ย เซียง ยู ผู้บุกเบิกด้าน TMT เฮลท์แคร์
เหว่ย เซียง ยู

สำหรับประเทศไทยในฐานะที่เป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เป็นแห่งแรกสำหรับคู่ฮันนีมูนจากโครงการลูกคนที่ 2 จากประเทศจีน  พร้อมรายการเกมส์โชว์แนวคิด  Smart Baby ที่ได้กระแสตอบรับ จาก Episode 1 ในประเทศจีนที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า 20 ล้านคน  ผ่านโครงการ “ฮันนีมูนรอบ 2 ของนักท่องเที่ยวคู่สมรสชาวจีน เพื่อการมีบุตร”  เป็นกว่า 90 ล้านคู่ ที่มีเป้าหมายมารับบริการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพร้อมบริการการแพทย์ไทย

โดยเป้าหมายปั้นไทยเป็นฐานใหญ่ศูนย์กลางของการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มผู้มีบุตรยากเพื่อตอบสนองนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของรัฐบาล (Fertility Wellness Tourism) และ ด้วยแนวคิด เบบี้ สมาร์ท ที่ออกอากาศบนแพลตฟอร์ม Smart TV ส่งผลให้ไทยอยู่บนจุดยืนที่เป็นศูนย์กลางการบริการด้านการทำผสมเทียมที่ดีที่สุดในโลก

“เนื่องจากการที่รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายส่งเสริมการมีบุตรคนที่ 2 ของกลุ่มคู่สมรสชาวจีน ส่งผลให้แนวโน้มตลาดโลกเริ่มคึกคักและเริ่มมุ่งเน้นสร้างสรรค์นวัตกรรมการพัฒนาคุณภาพของไข่และสเปิร์มให้แข็งแรงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มคู่สมรสชาวจีนที่แต่งงานช้า โดยเห็นช่องว่างที่เหล่าคู่สมรสชาวจีนมีความพยายามหาวิธีการที่จะทำให้เซลล์สืบพันธุ์ของตนเองมีคุณภาพ  แต่ไม่สามารถหาสถานบริการสุขภาพและบุคลากรทางการแพทย์ได้ภายในประเทศ”

ภายใต้การท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มผู้มีบุตรยากเพื่อตอบสนองนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ของรัฐบาล “Fertility Tourism” นี้  คู่ฮันนีมูนจะเป็นการสื่อสารผ่านสมาร์ททีวี คู่ฮันนีมูนสามารถโต้ตอบโดยตรงกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง  ปรึกษากับเชฟชื่อดัง เพื่อการเรียนรู้เมนูโภชนาการเพื่อเตรียมการปฏิสนธิ  การผ่อนคลายกล้ามเนื้อระหว่างการตั้งครรภ์ จากแชมเปี้ยนด้านหมัดมวย  (Kickboxing)   วางแผนโปรแกรมการนวดบำบัดแบบเฉพาะบุคคล สำหรับขั้นตอนการเตรียมความพร้อมก่อนการตั้งครรภ์  คอร์สเร่งรัดส่วนตัวสำหรับเมนูการสร้างสเปิร์ม ฯลฯ โดยสามารถรับบริการข้อมูลและคำแนะนำแบบเป็นส่วนตัวภายในห้องพักในโรงแรม  รีสอร์ท  หรือ สถานที่อื่นๆ ที่ผู้ใช้บริการเลือก จากพันธมิตรทางธุรกิจ

อายุของคู่ฮันนีมูนจีนเพิ่มขึ้น หลายคู่เพิ่มโปรแกรมสุขภาวะเพื่อการเจริญพันธุ์ในทริปฮันนีมูน จากกลุ่มเป้าหมาย 90 ล้านคู่ในเมืองจีนที่มีคุณสมบัติมีลูกคนที่ 2 ได้ มากกว่าครึ่งอายุเกิน 40 ปี ดังนั้นจะมีลูกค้าเป้าหมายตรง 40-50 ล้านคู่เป็นกลุ่มลูกค้า มหาศาลจากประเทศจีน และเมืองไทยเป็นเป้าหมายท็อปฮิตของคู่ฮันนีมูนชาวจีน” ดร.เหว่ย กล่าว

ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของรัฐบาล (Fertility Wellness Tourism)

ใน Episode 1 ของ โปรแกรม  Smart Baby ผ่านนวัตกรรม Smart TV  มียอดวิวกว่า 20 ล้านวิว จากการเผยแพร่ในประเทศจีน    สำหรับ  Episode 2  ด้วยแนวคิด  “Fertility UFO Show” ที่จะมีการถ่ายทำโปรแกรมสุขภาวะเพื่อการเจริญพันธุ์ (Garmete Wellness Program) ในประเทศไทย   จะทำการเผยแพร่ผ่านพอร์ทัลที่เป็นวิดีโอโฮสติ้งทั่วโลกหลังวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561  คู่ฮันนีมูนที่สนใจต้องการได้รับประสบการณ์ใหม่ของโปรแกรมที่เป็นปรากฎการณ์ใหม่ของโลก สามารถลงทะเบียนได้ที่  www.babysmart.life  ก่อนเดือนพฤษภาคม 2561  เพื่อคัดเลือกเป็นผู้ร่วมรายการ  Fertility Game Show  ที่จะเปิดตัว และออกอากาศในอนาคตอันใกล้นี้

โครงการนี้จะเป็นผลงานที่ส่งผลอย่างมากกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยและอุตสาหกรรมใกล้เคียง โดยเฉพาะความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์ นี่จะเป็นครั้งแรกที่รวมเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านการสื่อสารและเทเลคอมมูนิเคชั่นไว้ด้วยกัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 3.0 (Medical Tourism 3.0) ที่ลูกค้าจากต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน สามารถได้รับคำแนะนำทางการแพทย์ทั้งก่อนและหลังจากการมารับการรักษาในประเทศไทย และการมีบุตร เพื่อยกระดับการให้คำปรึกษาก่อนทำเด็กหลอดแก้วข้ามประเทศผ่าน O2O แพลตฟอร์ม ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นฐานที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการจัดการด้านการเจริญพันธุ์สำหรับคนมีบุตรยากแบบข้ามพรมแดน และยังเป็นการลดความเสี่ยงของสำหรับกลุ่มผู้มีบุตรยากเพื่อตอบสนองนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของรัฐบาลอีกด้วย

ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง  ทั้งกลุ่ม โรงแรม-รีสอร์ท  ฟิตเนส สปา  ร้านอาหาร  โรงพยาบาล  ฯลฯ มีโอกาสรองรับผู้ท่องเที่ยว  90 ล้านคู่ หรือเท่ากับ  180 ล้านคน  รวมถึงด้านเศรษฐกิจและประโยชน์ด้านอื่น ๆ ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะสำหรับกลุ่มผู้มีบุตรยาก เพื่อตอบสนองนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของรัฐบาล  คือ

  • การถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการแพทย์ล้ำหน้าจากทั่วโลก มายังประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะเพื่อการเจริญพันธุ์ ผ่านรายการ Baby Smart  บนแพลตฟอร์ม Smart TV. และ  Gamete Wellness Program
  • การให้คำปรึกษา  Pre- IVF  via an O2O platform  ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบริการด้านการทำผสมเทียมที่ดีที่สุดในโลก พร้อมทั้งลดความเสี่ยงให้กับนักท่อง เที่ยวในการทำผสมเทียม

นอกจากนี้ผู้ประกอบการและพันธมิตร สามารถใช้นวัตกรรมการสื่อสาร ที่เป็น O2O แพลตฟอร์ม โดยเป็นการทำธุรกิจจากประเทศไทย สร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายนับล้านในประเทศจีน พร้อมทั้งให้นักท่องเที่ยวคู่สมรสเข้าใจถึงขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของคนไทยก่อนเดินทางมายังประเทศไทย จนกระทั่งเดินทางกลับ

ทางด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์  ผู้อำนวยการกลุ่มสารสนเทศการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) เปิดเผยว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังมีโอกาสมาไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  จึงมีโอกาสในการสร้างรายได้จากภาคการท่องเที่ยว  โดยเฉพาะโครงการ “ฮันนีมูน รอบ 2 ของกลุ่มนักท่องเที่ยวคู่สมรสชาวจีนกว่า  90 ล้านคู่ ที่ต้องการมีบุตรคนที่ 2”  ตามนโยบายของรัฐบาลจีน  ซึ่งเน้นทำตลาดจับกลุ่มคู่สมรสที่มีรายได้สูงเป็นหลัก สามารถสร้างมูลค่าตลาดให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องของไทยได้อย่างมหาศาล

โดย ททท. สนับสนุนเอกชนทำการตลาด เพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นฐานและศูนย์กลาง  และใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแบบคอนเวอร์เจนซ์ เป็นกลยุทธทางการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายในประเทศจีน ที่ปัจจุบันมีอยู่ถึง 90 ล้านคู่  ผ่านรายการ เรียลลิตี้ โชว์  โดยหากผู้ประกอบการไทย สามารถดึงกลุ่มเป้าหมายนี้เข้ามาร่วมโครงการ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะเพื่อการมีบุตรนี้ เข้ามาได้เพียงแค่  10% หรือประมาณ  9 แสน ถึง 1 ล้านคู่  มีโอกาสสร้างรายได้จำนวนมาก

จากผลการศึกษาได้ประเมินค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์และท่องเที่ยว โดยเฉลี่ย คู่สมรส 1 คู่ จะต้องใช้จ่ายเฉลี่ยคู่ละ  5 แสนบาทต่อทริป  หากดึงกลุ่มนี้ได้ 1 ล้านคู่ จะมีมูลค่าตลาดถึง  5 แสนล้านบาทเลยทีเดียว โดยจะใช้เวลาอยู่ในไทยราว 1 เดือน  

สำหรับสถิติการท่องเที่ยว ททท.คาดการ์ณว่า ปี 2561 ประเทศไทยอาจสามารถทำรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นมูลค่ามากถึง  3.03 ล้านล้านบาท  โดยมีอัตราเติบโต  9.12%   ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 37.81 ล้านคน  เพิ่มขึ้น  6.8% จากปีก่อน  สามารถสร้างรายได้ 2.02 ล้านล้านบาท  เพิ่มขึ้น 10.73%  ส่วนนักท่องเที่ยวไทยนับเป็นจำนวน 157.83 ล้านครั้ง   (โดย 1 คนอาจเที่ยวมากกว่า 1 ครั้งต่อปี)  เพิ่มขึ้น 3.2%  สร้างรายได้ 1.01 ล้านล้านบาท  เพิ่มขึ้น 6.04%

 

Avatar photo