Branding

‘มาลี’ ปลุกตลาดผลไม้กระป๋อง หวังปรับภาพลักษณ์สู่แบรนด์คนรุ่นใหม่ กรุยทาง ‘โกลบอลแบรนด์’

อยู่ในตลาดผลไม้กระป๋องมานานกว่า 40 ปี ถึงเวลาที่ ผลไม้กระป๋องมาลี จะลุกขึ้นมาปรับโฉมใหม่ ให้มีภาพลักษณ์ทันสมัย เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อปลุกปั้นให้ผลไม้กระป๋อง เป็นสินค้าที่สามารถทานได้ทุกวัน ไม่ใช่สินค้าที่ขายตามฤดูกาล หรือใส่กระเช้าอย่างที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังเป็นการกรุยทางสู่เป้าหมายการเป็น “ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก”  ภายในปี 2564 ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้

โอภาส โลพันธ์ศรี
โอภาส โลพันธ์ศรี

นายโอภาส โลพันธ์ศรี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้และผลไม้กระป๋องแบรนด์ มาลี เปิดเผยว่า จากเป้าหมายที่จะผลักดันมาลี กรุ๊ป จาก “แบรนด์ผู้ผลิตน้ำผลไม้และผลไม้กระป๋อง” สู่การเป็น “แบรนด์ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก” ภายในปี 2564 มาลีจึงเดินเครื่องรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มน้ำผลไม้พร้อมดื่มและผลไม้บรรจุกระป๋อง

ก่อนหน้านี้ มาลีได้เปิดตัวผลไม้กระป๋องสูตรหวานน้อย ที่มีน้ำตาลน้อยกว่าสูตรปกติ 40% และพบว่าได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภครุ่นใหม่อย่างมาก เนื่องจากตอบรับกับกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค ทำให้สามารถรับประทานผลไม้กระป๋องได้ทุกวัน

มาลี1

นอกจากนี้ มาลี ยังมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริโภคยุคใหม่ ให้การนึกถึงผลไม้กระป๋องไม่ใช่เพียงแค่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ ต้องการเป็นผลไม้กระป๋องที่คุณอยากเจอทุกวัน โดยมุ่งเน้นการสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุระหว่าง 25 – 40 ปี ครอบคลุมทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่และลูกค้าปัจจุบัน

ทั้งนี้ล่าสุด บริษัทได้จัดทำ ภาพยนตร์โฆษณาชุด IN THE MOOD FOR CANNED FRUITS หรือ “เหงาเงาะ” ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์โฆษณาผลไม้กระป๋องเรื่องแรกในรอบหลายสิบปีของมาลี โดยวางเป้าหมายให้เป็นแคมเปญหลักที่ต้องการสื่อสารให้ทุกคนหันมาบริโภคผลไม้กระป๋องมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอเทศกาลหรือวันสำคัญ รวมทั้งพลิกโฉมภาพลักษณ์ของแบรนด์ ให้ดูมีความทันสมัยตรงกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิคของผลิตภัณฑ์ไว้

MALEE 1

การออกแคมเปญโฆษณาครั้งนี้ มาลีมั่นใจว่าจะสื่อสารได้ตรงใจผู้บริโภครุ่นใหม่ และสามารถเพิ่มฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งยังสร้างกระแสความนิยมการบริโภคผลไม้กระป๋องให้เกิดขึ้นในทุกช่วงเวลาของทุกวัน ทำให้มั่นใจว่าจะเติบโตตามเป้าหมายและผลักดันตลาดรวมโตขึ้น 20% จากปัจจุบันที่ตลาดผลไม้กระป๋องมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของมาลีในปี 2561 ที่ผ่านมาพบว่า ไม่เป็นไปตามเป้าหมายทั้งในส่วนของรายได้และผลประกอบการ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานติดลบเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปี โดยมีรายได้รวม 5,395.98 ล้านบาท ลดลงจาก 5,987.94 ล้านบาทในปี 2560 และมีกำไรสิทธิติดลบ 272.62 ล้านบาท ต่างจากปี 2561 ที่ยังมีผลกำไรสุทธิ 285.58 ล้านบาท

MALEE 2

ผลประกอบการที่ลดลงในปี 2561 เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่เติบโตน้อยกว่าที่คาดอย่างต่อเนื่อง ความมั่นใจและกำลังซื้อของประชาชนลดต่ำลง บรรยากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการบริโภคและการจับจ่ายของประชาชน อัตราค่าเงินบาทที่ผันผวนและแข็งค่าขึ้นมากจากปีที่ผ่านมา รวมทั้งรายได้จากธุรกิจรับจ้างผลิตบางส่วนลดลงมากและเร็วกว่าที่คาดไว้ ธุรกิจใหม่ๆของแบรนด์ที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจและการกระจายความเสี่นงในอนาคตยังไม่สามารถทดแทนธุรกิจเดิมที่ถดถอยลงในระยะสั้น

Avatar photo