Sport

เดอะแบก!โด้แฮตทริกโปรตุเกสตีเจ๊าสเปน,อุรุกวัย-อิหร่านเฮท้ายเกม

worldcup1
ภาพจาก: www.fifa.com

“บิ๊กแมตช์” เมื่อคืนที่ผ่านมา อดีตแชมป์โลกเมื่อปี 2010 “สเปน” ที่ให้เฟร์นานโด เอียร์โร่ คุมทีมเฉพาะกิจประเดิมสนามจัดชุดใหญ่นำโดย กัปตันเซร์คิโอ รามอส ลงดวลกับเพื่อนซี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันโปรตุเกส แชมป์ยุโรปล่าสุด

โดยโรนัลโด้ วัย 33 ปี มีสถิติที่ไม่ค่อยดีนักกับการเล่นในฟุตบอลโลก โดยลงสนามมาแล้ว 13 เกม และเพิ่งทำได้แค่ 3 ประตูเท่านั้น อีกทั้งยังมีสถิติที่ไม่ดีอีกด้วยในเวลาที่ดวลกับ เซร์คิโอ รามอส เพราะไม่เคยยิงให้ โปรตุเกส ได้เลยในเกมที่พบกับ สเปน ซึ่งมี รามอส คุมแนวรับ หลังทั้งคู่ดวลกันในทีมชาติมาแล้ว 3 นัด

แต่สำหรับเกมเมื่อคืนนี้กลายเป็นแมตช์แห่งความทรงจำของโรนัลโด้เมื่อระเบิดฟอร์มซัดแฮตทริกพาทีมตามตีเสมอสเปนท้ายเกมแบบสุดมันส์3-3 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ซัดบอลโลก 4 สมัยติดเท่ากับ เปเล่, มิโลสลาฟ โคลเซ่ และ อูเว ซีเลอร์ ขณะที่”กระทิงดุ” ได้ประตูจาก ดิเอโก้ คอสต้า 2 ลูกและนาโช่ อีกหนึ่งลูก

worldcup2
ภาพจาก: www.fifa.com

ขณะที่ฟุตบอลโลกนัดแรกของอียิปต์ ในรอบ 10,221 วัน ที่หัวใจสำคัญอย่างโม ซาลาห์ แม้จะมีชื่อเป็นตัวสำรองแต่ไม่ถูกส่งลงสนามจบลงด้วยความเจ็บปวด ยันอุรุกวัยไว้ได้ 89 นาทีแต่มาทำนบแตกท้ายเกม จากลูกโหม่งของโฮเซ่ คิมิเนซ จบเกมแบบกระชากหัวใจสุดๆ กับ 3 แต้มของอุรุกวัย

worldcup3
ภาพจาก: www.fifa.com

ส่วนผลอีกคู่ โมร็อกโก ที่ครองเกมบุกแหลกตลอดเกมแต่กลับเจาะอิหร่านไม่เข้า สุดท้ายเป็นอาซิซ บูฮัดดูซ ที่ลงเป็นตัวสำรองของโมร็อกโกกลายเป็นตัวสำรองคนแรกที่ยิงประตูตัวเองในบอลโลก นับตั้งแต่ที่ เปตีต์ ของโปรตุเกสทำในเกมกับ เยอรมัน เมื่อ ก.ค. 2006 สงเคราะห์ประตูชัยให้อิหร่านใน เวิลด์ คัพ 2018 เก็บ 3 คะแนนพร้อมยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับ โมร็อกโก ที่ไม่แพ้ใครตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว

Avatar photo