ผลสำรวจมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ย่านใจกลางกรุงลอนดอนในไตรมาสที่ 2 ปี 2562 โดย บริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการอย่างมากในย่านสำคัญใจกลางกรุงลอนดอน จากราคาที่ยังคงลดลง 0.9% ในไตรมาสนี้ ส่งผลให้ราคาต่อปีลดลง 3.6% ซึ่งหมายความว่า มูลค่าราคาทรัพย์โดยรวม ในย่านใจกลางกรุงลอนดอน ลดลงถึง 20% จากราคาที่ขึ้นไปสูงสุดในปี 2527
ในแง่ของมูลค่าเฉลี่ยของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ย่านใจกลางที่สำคัญต่างๆ ของกรุงลอนดอนในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2562 ยังอยู่ในระดับคงที่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 ขณะที่ราคาทรัพย์ยังมีการลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี มูลค่าลดลงคิดเป็น 1.8% ซึ่งลดลงในระดับน้อยกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในย่านสำคัญในพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอนจากฟูลแลม (Fulham) ไปจนถึงวิมเบิลดัน (Wimbledon) ยังคงมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาอย่างคงที่ต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึง การขาดแคลนปริมาณอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งเห็นได้อย่างเด่นชัดในพื้นที่นี้ของกรุงลอนดอน
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ซึ่งหมายความว่ามูลค่าราคายังคงถูกกว่า 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนมิถุนายนของปีก่อนหน้า สำหรับผู้ซื้อที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอนยังคงมีความอ่อนไหวสูงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง
ประภาพร บุญขจรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในต่างประเทศ บริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากผลจากการสำรวจในช่วงกลางเดือนมิถุนายน กว่า 90% ของผู้แทนฝ่ายขายของซาวิลส์ ณ กรุงลอนดอนระบุว่า ความไม่แน่นอนของการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ยังคงเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในตลาด ณ เวลานี้
นอกจากนี้ ซาวิลส์ได้คาดการณ์ว่าระดับความมั่งคั่งของเศรษฐกิจโลกที่สูงขึ้นจะช่วยให้อุปสงค์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ลอนดอนในระยะยาวจะมีอัตราเติบโตขึ้น 12.4% ใน 5 ปี
“มีตัวชี้วัดในหลายๆด้านสำหรับผู้ขายที่ยังคงแสดงสัญญาณในทางที่ดี แต่เรากำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนที่ยังคงเพิ่มขึ้นจากความคาดหวังว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะส่งผลอย่างไรต่อการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วิกฤติต่างๆ และนโยบายทางด้านภาษี จะส่งผลให้ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในย่านสำคัญต่างๆของกรุงลอนดอนยังคงอยู่ในสภาวะที่อ่อนไหวในช่วงที่เหลือของปี พ.ศ. 2562”ประภาพรกล่าว
ขณะที่ผู้ขายที่ยังคงรอการปรับลดของภาษีอากรแสตมป์ และคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มความลื่นไหลของตลาด แต่ในขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงของการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นได้ในตลาด โดยอาจเป็นผลจากการออกจากสหภาพยุโรปโดยไร้ข้อตกลง หรือมีความเป็นไปได้ที่จะมีการเพิ่มขึ้นของโครงสร้างภาษีในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
