Startup

สตาร์ทอัพอาเซียนโตสูง‘ยักษ์ธุรกิจ’หนุนลงทุน 500 TukTuks

หลังจากเปิดตัวกองทุน 500 TukTuks กองทุนแรก ในปี 2558 เพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพไทยระดับ seed/pre-series A  โดย 500 TukTuks ได้ร่วมลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ 50 บริษัท ใช้เงินลงทุนไปสัดส่วน 80-90% รวมมูลค่า 400 ล้านบาท  ช่วยให้สตาร์ทอัพระดมทุนเกือบ 7,000 ล้านบาท สร้างการจ้างงานเกือบ 1 หมื่นตำแหน่ง

500 TukTuks
กระทิง พูนผล ผู้จัดการการกองทุน 500 TukTuks

สตาร์ทอัพไทย-อาเซียนโตสูง

นายกระทิง พูนผล ผู้จัดการการกองทุน 500 TukTuks กล่าวว่าการจัดกองทุนที่2 วางเป้าหมายลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ 150 บริษัท ทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่สตาร์ทอัพมีแนวโน้มเติบโตสูง เห็นได้จากสตาร์ทอัพที่ก้าวสู่ “ยูนิคอร์น” ของภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็น Grab ของสิงคโปร์ ที่มีมูลค่ากว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ ล่าสุดโตโยโต้ประกาศลงทุนในแกร็บ 1,000 ล้านดอลลาร์, SEA จากสิงคโปร์ ที่มีมูลค่ากว่า 3,750 ล้านดอลลาร์ , GO JEK  ของอินโดนีเซีย ที่มีมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์

ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพในภูมิภาคอาเซียนมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ, การเติบโตของประชาการอินเทอร์เน็ตที่มีอัตราสูงสุดในโลก จากจำนวนผู้ใช้ 260 ล้านคนในปัจจุบัน จะเพิ่มเป็น 480 ล้านคนในปี 2563 รวมทั้งการขยายตัวของชนชั้นกลางในอัตราสูง

tuk tuks 500

กองทุน 500 TukTuks กองที่1 ซึ่งเข้าไปลงทุนใน 50 สตาร์ทอัพ พบว่ามีเพียง 1 รายที่ไม่ประสบความสำเร็จ คิดเป็นสัดส่วน 2% ขณะที่การลงทุนในสตาร์ทอัพที่ไม่ประสบความสำเร็จค่าเฉลี่ยทั่วโลอยู่ที่ 4% ในกองทุนแรกมีสตาร์ทอัพไทยที่เติบโตมีมูลค่าระดับ 100 ล้านดอลลาร์แล้ว  3 บริษัท และอีกหลายบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโต

ดันไทยผู้นำสตาร์ทอัพ “ท่องเที่ยว-อาหาร”

นายกระทิง กล่าวการลงทุนสตาร์ทอัพในช่วงแรก เน้นกลุ่ม อีคอมเมิร์ซ ฟินเทค โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นพื้นฐานธุรกิจในยุคดิจิทัล สำหรับการลงทุนกองที่2 จะโฟกัสไปที่ ดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech)   ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็น Food/Bio/AgriTech, TravelTech, Disruptive Digital Technology, Logistics, FinTech/ InsurTech, Retail/eCommerce, Health, Energy, PropTech เป็นต้น

กองทุน 500 TukTuks และพันธมิตร จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเติบโตของวงการเทค สตาร์ทอัพไทยให้เติบโตไปในระดับเอเชียและระดับโลกได้ รวมทั้งช่วยการเปลี่ยนผ่านของหลาย อุตสาหกรรมเพื่อเป็นผู้นำสู่ยุค Disruption

ไทยมีจุดแข็งด้านเกษตร ท่องเที่ยว และอาหาร เชื่อว่าการลงทุนและพัฒนาสตาร์ทอัพในกลุ่มนี้ ไทยสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำของภูมิภาคนี้ได้

500 tuk tuks

ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาการลงทุนของ  500 TukTuks กองที่1 ได้สนับสนุนสตาร์ทอัพไทยที่มีมูลค่าในปัจจุบัน 100 ล้านดอลลาร์ได้แล้ว เป้าหมาของกองทุนที่ 2 ต้องการเห็นสตาร์อัพที่เข้าไปลงทุนสร้างมูลค่าธุรกิจให้ได้ระดับ 300-500 ล้านดอลลาร์ และภายใน 5 ปีนี้ หรือในปี 2563  วางเป้าหมายลงทุนในสตาร์ทอัพ ที่พัฒนาธุรกิจให้มีมูลค่าเกิน 100 ล้านดอลลาร์ ไม่ต่ำกว่า 6-7 บริษัท

ยักษ์ธุรกิจลงทุน 500 TukTuks กองที่2

นายกระทิง กล่าวว่าสำหรับ กองทุน 500 TukTuks กองที่2 รับการลงทุนของกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของไทย ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มธุรกิจ TCP บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท วัชรพล จำกัด ในเครือหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด  โดยตั้งเป้าลงทุน ใน 150 สตาร์ทอัพ ทั้ง Disruptive Digital Startups ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง Global Deep Tech Startups ที่จะเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างระบบนิเวศน์แห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สมบูรณ์แบบทั้ง Disruptive Digital และ Deep Technology ควบคู่กับการเป็นพันธมิตรกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในไทย

500 tuk tuks

นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกจากทั้ง Silicon Valley และเอเชีย เช่น Terra Accelerator บริษัท accelerator ชั้นนำด้าน Food/Bio/AgriTech, SOSV  กองทุน VC ระดับท็อป 5 ด้าน AI และ Blockchain, Chinaccelerator กองทุน VC ชั้นนำที่ลงทุนในเทค สตาร์ทอัพ ชั้นนำของจีน  และ กูรูชั้นนำของไทย ด้าน AR/VR, Crypto/Blockchain, Food/BioTech, IoT เพื่อร่วมกันสร้างระบบนิเวศน์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบในประเทศไทย และเร่งผลักดันการเติบโตแบบก้าวกระโดดของระบบนิเวศน์สตาร์ทอัพ (startup ecosystem) ของไทย  ปัจจุบันเครือข่ายของ 500 Startups ลงทุนในสตาร์ทอัพไปแล้วเกือบ 2,000 บริษัททั่วโลก

บิ๊กคอร์ปอเรทหวังต่อยอดธุรกิจ

สำหรับกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ที่เข้ามาร่วมลงทุนใน กองทุน 500 TukTuks กองที่2 มองโอกาสการต่อยอดธุรกิจเดิม การทำงานร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มสตาร์ทอัพ และการสร้างโอกาสเติบโตในธุรกิจเทคโนโลยี

500 tuk tuks

นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิต จัดจำหน่าย และเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มกระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ สปอนเซอร์ แมนซั่ม เพียวริคุ และซันสแนค กล่าวว่าการเข้ามาลงทุนใน 500 TukTuks ถือเป็นครั้งแรกของการลงทุนในสตาร์ทอัพ เพื่อต้องกาสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยและกลุ่มซีแอลเอ็มวี ที่เห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเวียดนามและอินโดนีเซีย รวมทั้งต้องการสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตระดับโลก เพื่อในยุคดิจิทัลการค้าเกิดขึ้นได้ทั่วโลก

นอกจากนี้บริษัทต้องการหาโอกาสเติบโตในตลาดใหม่และทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพ ที่สามารถนำมาต่อยอดกับธุรกิจเดิมของบริษัทได้ในอนาคต

“เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกที่นับวันจะถูก Disrupt รุนแรงและรวดเร็วมากขึ้น การเข้ามาของ IoT, AI, Robot หรือเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ ล้วนมีศักยภาพในการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตและการดำเนินธุรกิจให้ต่างไปจากเดิมได้อย่างสิ้นเชิง และองค์กรต้องมีการปรับตัวเช่นกัน”

การร่วมลงทุนในกองทุน 500 TukTuks เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรับมือกับกระแส Disruption ผ่านการทำงานร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพต่าง ๆ เพื่อให้องค์กรก้าวข้ามวิธีการทำงานแบบเดิม สู่นวัตกรรมใหม่ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเข้ากับสังคม เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างผลิตภัณฑ์ และบริการที่ดี รวมทั้งยกระดับธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบได้เร็วขึ้น

TCP
สราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP

ยกระดับธุรกิจยุคดิจิทัล

นายดนภัทร พร้อมพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ แผนกการลงทุน กลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่าเซ็นทรัลกรุ๊ป เป็นผู้นำด้านค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ โดยมีพื้นที่ค้าปลีกทั่วประเทศกว่า 4 ล้านตร.ม. มีสมาชิกเดอะวันการ์ดกว่า 13 ล้านใบ ที่ถือเป็นทรัพย์สินและแฟลตฟอร์มที่จะพัฒนาสู่ธุรกิจใหม่ๆ  โดยมุ่งพัฒนาธุรกิจสู่ “ออมนิ แชนแนล” โดยมีเป้าหมายทรานส์ฟอร์มองค์กร สู่การเป็น Top Tech Company ภายใต้ยุทธศาสตร์ New Central,  New E-conomy เพื่อเป็นผู้นำด้าน Digi-Lifestyle Platform

ดังนั้นการลงทุนใน 500 TukTuks  จึงตอบโจทย์ในการช่วยเสริมสร้าง Digi-Lifestyle Innovation Platform ของเซ็นทรัลกรุ๊ปผ่านเทคสตาร์ทอัพทั้งในประเทศไทยและอาเซียน รวมทั้งมองโอกาสการลงทุนและทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจด้านเทคโนโลยีของกลุ่มเซ็นทรัล

เซ็นทรัล 500 Tuk Tuks
ดนภัทร พร้อมพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ แผนกการลงทุน กลุ่มเซ็นทรัล

นายวัชร วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเทรนด์ วี จี 3 จำกัด ในเครือไทยรัฐ กล่าวว่าการเข้ามาลงทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพ ผ่านกองทุน 500 TukTuks  เพื่อมองหาโอกาสเติบโตในธุรกิจเทค สตาร์ทอัพทุกกลุ่มในยุคดิจิทัล ที่มีแนวโน้มขยายตัวสูง พร้อมทั้งศึกษาการทำธุรกิจในกลุ่มสตาร์ทอัพที่จะมาต่อยอดและพัฒนาธุรกิจเดิม

นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าการเข้ามาลงทุนร่วมกับ 500 TukTuks เพื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่มีแนวความคิดใหม่ ๆ ที่ยั่งยืน และพิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคมและระบบเศรษฐกิจโดยรวม

500 tuk tuks
สราวุฒิ อยู่วิทยา -ดนภัทร พร้อมพันธุ์ -วัชร วัชรพล

Avatar photo