อุตสาหกรรมบันเทิงในโลกปัจจุบันปรับเปลี่ยนไปมากพอสมควรเมื่อคอภาพยนตร์หรือสารคดี ไม่จำเป็นต้องเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์อีกต่อไป เมื่อสามารถหาดูได้ตามอินเทอร์เน็ตที่สะดวก และเข้าถึงได้ง่ายกว่า ขณะที่ผู้จัดทำก็หวังเพิ่มยอดจำนวนผู้ชมได้มากกว่าเช่นกัน
“กีฬา” เป็นอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมบนช่องสตรีมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดสดการแข่งขัน หรือช่องทีวีสโมสรนำเสนอข่าวคราวความเคลื่อนไหวของทีมตัวเอง
Netflix “เน็ตฟลิกซ์” แพลตฟอร์ม ช่องสตรีมออนไลน์ ชื่อดังคือหนึ่งช่องทางที่รุกวงการกีฬาหลังคู่แข่งอย่าง “อเมซอน” ก็ทำเช่นกัน
ที่ผ่านมา “เน็ตฟลิกซ์” ทำสารคดีเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลทั่วโลกมาแล้วหลายทีมทั้งบาร์เซโลน่า เจ้าพ่อวงการลูกหนังสเปน, ยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งกัลโช่ เซเรีย อาอิตาลี, ซันเดอร์แลนด์ สโมสรระดับตำนานของอังกฤษและ โบคา จูเนียร์ส สโมสรยักษ์ใหญ่ของอาร์เจนติน่า และล่าสุดกำลังทำสารคดีเกี่ยวกับสโมสรอาแจ๊กซ์ อัมส์เตอร์ดัม ทีมระดับตำนานของฮอลแลนด์
นอกจากนี้ยังมีสารคดีนักเตะดังอย่าง อองตวน กรีซมันน์ รวมทั้งกีฬาอื่นๆอย่าง “มุมไบ อินเดียนส์” แชมป์คริกเก็ตอินเดียน พรีเมียร์ลีก, “ไซออน คลาร์ก” หนุ่มไร้ขากับการเข้าสู่วงการมวยปล้ำ และ วงการรถฟอร์มูล่าวัน
ถามว่าสโมสร,ทีมกีฬา รวมทั้งตัวนักกีฬาได้อะไรจากการทำสารคดีกับ “เน็ตฟลิกซ์”
อันดับแรกเลยคือเรื่องค่าลิขสิทธิ์มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับมูลค่าการตลาดของแต่ละทีมในขณะนั้น
พยายามค้นหาข้อมูลว่า “เน็ตฟลิกซ์” จ่ายเงินไปเท่าไหร่กับค่าลิขสิทธิ์ทีมกีฬาและนักเตะแต่หาไม่เจอจริงๆ แต่พอคาดเดาได้ว่ามีมูลค่าสูงพอสมควรแน่หากเทียบกับ “อเมซอน” ที่จ่าย 2,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 72 ล้านบาท) ให้กับมหาวิทยามิชิแกน สถานศึกษาดังของอเมริกาที่ขึ้นชื่อเรื่องทีมอเมริกันฟุตบอล หรือ จ่าย 10 ล้านปอนด์ (กว่า 40 ล้านบาท)ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษกับการเอามาทำสารคดีเรื่อง All or Nothing: Manchester City (ออล ออร์ น็อทติง: แมนเชสเตอร์ ซิตี้) เมื่อปี 2018
นอกจากรายได้เรื่องลิขสิทธิ์แล้วยังมีผลประโยชน์รอบด้านให้กลับคืนสู่สโมสรเนื่องจากบางทีมมีทีมงานสร้างผลงานของตัวเอง อาทิ ยูเวนตุส ที่สร้างสารคดีเรื่อง ทีมหนึ่ง: ยูเวนตุส แล้วนำไปอออกอากาศกับ “เน็ตฟลิกซ์” ก็จะได้เรื่องการประชาสัมพันธ์ทีมหรือตัวนักกีฬาให้คนกลุ่มใหม่ นอกเหนือจากแฟนกีฬา ได้รู้จักมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการทำสารคดีซีรีส์ ผ่านเน็ตฟลิกซ์ คือช่องทางที่ตอบโจทย์ต่อตัวสโมสร เพราะผู้ชมที่ให้ความสนใจในทีม สามารถติดตามเรื่องราวของสโมสร ได้อย่างง่ายดาย และหากผู้ชม รู้สึกถูกชะตากับทีม ก็สามารถสร้างฐานแฟนบอลหน้าใหม่ขึ้นมาได้
หรือจะเป็น ซันเดอร์แลนด์ ที่แม้จะเป็นทีมระดับตำนานของอังกฤษแต่ปัจจุบันพวกเขาตกต่ำลงไปมากเล่นอยู่ในลีก วัน หรือ ลีกระดับ 3 ของลีกฟุตบอลอังกฤษ แต่ทันทีที่สารคดี เรื่อง Sunderland ‘Til I Die (ซันเดอร์แลนด์ ทิล ไอ ดาย) ออกฉาย ซันเดอร์แลนด์ ก็กลับไปอยู่ในความสนใจของสื่อกีฬาทั่วอังกฤษทันที
นอกจากนี้การที่สารคดีของซันเดอร์แลนด์ได้รับคำชื่นชมมหาศาลจากทั้งคนในวงการกีฬา และนักวิจารณ์ภาพยนตร์ ที่ยกให้เป็นหนึ่งในสารคดีกีฬา ที่ดีสุดตั้งแต่เคยสร้างมาทำให้คนที่รับรู้ข่าวสารต่างต้องการเข้าไปชมกันมากขึ้น
จึงเห็นได้ว่าการสร้างสารคดีบน “เน็ตฟลิกซ์” คือโอกาสสำคัญที่จะได้ช่วยประชาสัมพันธ์ทีม ให้ผู้คนรู้จักไปทั่วโลก แม้ว่าผลงานจะย่ำแย่แค่ไหน หรืออาจไม่ได้เล่นอยู่ในลีกฟุตบอลชั้นนำ แต่หากมีการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ โอกาสปรากฎตัว ของทีมฟุตบอล ผ่านสตรีมมิงทางอินเทอร์เน็ต ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“เรามีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการสร้างแบรนด์กีฬาเพื่อความบันเทิงด้วยนวัตกรรมใหม่ของเรา เราต้องการให้แฟนบอลยูเวนตุสทั่วโลกและผู้ใช้ Netflix หลายล้านคน รู้จักยูเวนตุสครบทุกมุมมองผ่านสารคดีนี้” เฟเดริโก้ ปาลอมโบ ผู้ช่วยฝ่ายการเงินของสโมสรเปิดเผยถึงการจับมือกับ Netflix ที่นำสารคดีของพวกเขาออกฉายในช่วงต้นปี 2018
“2 ใน 3 ของคนที่กดไลค์เพจเฟซบุ๊กสโมสร เป็นชาวต่างชาติ เช่นเดียวกับทางทวิตเตอร์ และ อินสตราแกรม ที่แฟนครึ่งหนึ่งของเรา เป็นชาวต่างชาติ เราจึงอยากจะสื่อสาร กับกลุ่มคนเหล่านั้นให้มากขึ้น” ดาน เชอร์มันส์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อ ของอาแจ๊กซ์ยอมรับว่าเป้าหมาย ของสโมสรในการสร้างสารคดีบนเน็ตฟลิกซ์ เพื่อขยายฐานแฟนคลับ และสร้างความรู้จัก ไปยังกลุ่มคนในต่างประเทศ
เมื่อยุคสมัยปัจจุบันคือยุคโลกโซเชียล แพลตฟอร์มช่องสตรีมออนไลน์ คืออีกหนึ่งช่องทางเพิ่มรายได้และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นของทีมกีฬา พวกเขาจึงต้องเร่งปรับตัวเข้าหาหากไม่อยากเดินตามหลังใครแบบหลายก้าว เพราะไม่ใช่ทุกสโมสรกีฬาบนโลก จะมีโอกาสสร้างสารคดีลงทางเน็ตฟลิกซ์
หากไม่ได้อยู่ในระดับแถวหน้าของโลก หรือแบรนด์ของทีมขายได้อยู่แล้ว โอกาสมันอาจจะเกินเอื้อม