General

สธ.โชว์ ‘ทีบี แลมป์’ นวัตกรรมชุดทดสอบวัณโรค ตรวจง่าย-รู้ผลเร็ว

สาธารณสุข มุ่งเป้ายุติวัณโรคในปี 2578 พร้อมให้บริการตรวจการติดเชื้อวัณโรคแฝง ด้วยการตรวจตัวอย่างเลือด และพัฒนาชุดทดสอบวัณโรคอย่างง่าย “ทีบี แลมป์” ตรวจได้ที่โรงพยาบาล หาวัณโรคแบบมีอาการ ตรวจง่าย ไว และมีความจำเพาะสูง ช่วยยืนยันการเป็นโรคได้แน่นอน รู้ผลเร็วใน 1 ชั่วโมง เพื่อให้การรักษารวดเร็ว ลดอัตราการเสียชีวิต แพร่กระจายโรค

ไทยมีผู้ป่วยวัณโรคประมาณ 1.2 แสนคน เสียชีวิตปีละ 1.2 หมื่นคน เข้าสู่ระบบการรักษา และสามารถติดตามอาการและการรักษาได้ประมาณ 80,000 คน คิดเป็น 75 % ซึ่งผู้ป่วย 80 % ตรวจพบที่ปอด และ 20 % ตรวจพบนอกปอด นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า 1 ใน 3 ของประชากร มีการติดเชื้อวัณโรคแฝง หรือแบบไม่แสดงอาการ ซึ่งไม่สามารถแพร่เชื้อได้ แต่เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นวัณโรค 

messageImage 1562649514594นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มุ่งยุติปัญหาวัณโรค เน้นการรณรงค์ค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ให้ครอบคลุม รวดเร็ว เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ลดอัตราการเสียชีวิต และแพร่กระจายโรค มีเป้าหมายยุติวัณโรคในปี 2578

ปัจจุบันสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุข สามารถตรวจหาการติดเชื้อวัณโรคได้ทั้งวัณโรคแฝง โดยใช้การตรวจวัดปริมาณสารอินเตอร์เฟอรอนแกมมาจากตัวอย่างเลือด (Interferon Gamma Release Assay : IGRA) ซึ่งไม่มีปัญหาในการเก็บตัวอย่าง

และองค์การอนามัยโลก แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เพื่อตรวจหาวัณโรคแฝงในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สัมผัสผู้ป่วย ผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งการรักษาอาจมีผลทำให้วัณโรคแฝงพัฒนาเป็นวัณโรค เช่น ผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบ ที่ได้รับยาสเตียรอยด์นานๆ ผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น และกลุ่มเสี่ยงบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งผู้เดินทางไปต่างประเทศ ตามที่ประเทศปลายทางกำหนดให้มีการตรวจวัณโรคแบบแฝง

messageImage 1562649532244

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ช่วยตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยวัณโรคปอดรายที่วินิจฉัยยาก ตรวจด้วยวิธีอื่นไม่พบเชื้อ หรือเก็บเสมหะไม่ได้ และช่วยวินิจฉัยวัณโรคนอกปอด ที่อาจเก็บตัวอย่างจากอวัยวะนั้นๆ ไม่ได้ เช่น วัณโรคกระดูก วัณโรคต่อมน้ำเหลือง วัณโรคโพรงจมูกที่มีรายงานแต่พบน้อย

รวมทั้งได้พัฒนาชุดทดสอบ ทีบี แลมป์ (LAMP : Loop-mediated isothermal amplification) มาเพิ่มประสิทธิภาพการวินิจฉัยวัณโรคแบบมีอาการ ใช้การตรวจดีเอ็นเอจากตัวอย่างเสมหะ จึงมีความปลอดภัยจากการติดเชื้อ วิธีการตรวจง่าย สามารถทำได้ในห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาล มีความไว และความจำเพาะต่อเชื้อวัณโรคสูง รู้ผลใน 1 ชั่วโมง

นับเป็นวิธีหนึ่งที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้แทนการตรวจด้วยวิธีการย้อมเชื้อในเสมหะ เนื่องจากมีความไวสูงกว่า หรือใช้ตรวจเพิ่มในรายที่มีผลตรวจย้อมเชื้อในเสมหะเป็นลบ โดยขณะนี้นำร่องใช้ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เขตสุขภาพที่ 7 อยู่ระหว่างการติดตามผล และจะขยายไปยังโรงพยาบาลชุมชนต่อไป

messageImage 1562649537042

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ในระยะแรกจะให้การสนับสนุนการผลิตน้ำยา TB-LAMP ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขพัฒนาขึ้น และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการให้สามารถตรวจวัณโรคได้ ด้วยการตรวจดีเอ็นเออย่างง่าย ชุดทดสอบมีราคาไม่เกิน 200 บาทต่อการทดสอบ ซึ่งจะช่วยในการวินิจฉัยโรคให้ได้ผลตรวจเร็วภายใน 1 ชั่วโมง และมีราคาถูกกว่าวิธีตรวจดีเอ็นเอด้วยวิธีอัตโนมัติ โดยใช้เครื่อง Xpert MTB/RIF ที่สามารถตรวจวินิจฉัยได้ทั้งวัณโรค และการดื้อยา rifampicin ตรวจได้ทั้งตัวอย่างเสมหะที่มีผลย้อมเชื้อเป็นบวกและลบ ซึ่งมีราคาชุดทดสอบ 700 บาทต่อการทดสอบ

ที่สำคัญการทดสอบ ทีบี แลมป์ สามารถตรวจตัวอย่างได้จำนวนมาก 10-14 ตัวอย่างต่อรอบ มีความไวกว่าการตรวจด้วยวิธีการย้อมสีเชื้อในเสมหะ จึงช่วยให้ตรวจพบผู้ป่วยวัณโรคได้มากขึ้น และเป็นการตรวจจากสารพันธุกรรม จึงมีความจำเพาะสูงช่วยยืนยันเชื้อวัณโรคได้อย่างแน่นอน สามารถทดสอบได้ในโรงพยาบาลทั่วไป ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงวิธีการตรวจโรคที่มีประสิทธิภาพ และมีราคาถูกในจุดบริการผู้ป่วย ลดการใช้งานชุดทดสอบ Xpert MTB/RIF ที่มีราคาสูง เพื่อใช้งานในกรณีที่จำเป็น เช่น การตรวจวินิจฉัยวัณโรคดื้อยา rifampicin

Avatar photo