ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ (9 ก.ค.) ยังไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างเต็มที่ เหตุนักลงทุนลดความคาดหวังชลงมาอย่างมาก ในเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้
ความคาดหวังที่ลดลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานเดือนมิถุนายน ที่ยังแข็งแกร่งอยู่ และยังทำให้วอลล์สตรีทเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุด ปรับขึ้นมาเล็กน้อย 49.08 จุด หรือ 0.23% มาอยู่ที่ 21,583.43 จุด แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง ส่วนดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง ลดลง 186.42 จุด หรือ 0.66% มาอยู่ที่ 28,145.27 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ในจีน ลดลง 14.50 จุด หรือ 0.49% ที่ 2,918.86 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ขยับขึ้น 4.59 จุด หรือ 0.14% ที่ 3,338.82 จุด
ขณะที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายที่ 26,806.14 จุด ลดลง 115.98 จุด หรือ 0.43% ดัชนีเอสแอนด์พีลดลง 14.46 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 2,975.95 จุด ลดลง และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 63.41 จุด หรือ 0.78% ที่ 8,098.38 จุด
นอกจากประเด็นเรื่องขนาดการลดดอกเบี้ยของเฟด จะกลายเป็นแรงกดดันต่อการเข้าลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกแล้ว นักลงทุนยังวิตกถึงความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมืองในตะวันออกกลาง หลังจากอิหร่านออกมายืนยันว่า ผลิตแร่ยูเรเนียมมากกว่าระดับที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ ปี 2558 พร้อมเตือนยุโรปถึงการดำเนินมาตรการตอบโต้ต่างๆ
อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีแรงเข้าซื้อเก็งกำไร ที่ช่วยสกัดขาลงไม่ให้ดิ่งลงไปมากนัก
สถานการณ์เรื่องอิหร่าน ยังเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น แม้นักลงทุนจะยังมีความกังวลในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเกาะติดอยู่ก็ตาม
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนสิงหาคม ในตลาดไนเม็กซ์ เมื่อคืนนี้ เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 57.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ กำหนดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 64.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
