ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) เป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ พร้อมส่งสัญญาณถึงการดำเนินนโยบายเชิงรุกมากขึ้นสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2561 และ 2562 ท่ามกลางการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง
แม้จะยอมรับว่า มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางธุรกิจทั่วประเทศจากความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ก็ย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในสถานที่ดีเยี่ยม
การลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ในการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอยู่ในช่วง 1.75-2.0% ทั้งเฟดยังบ่งชี้ว่า อาจมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และอีก 4 ครั้งในปีหน้า มากกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้
ท่าทีเชิงรุกดังกล่าว ไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้กับวอลล์สตรีทมากเท่าใดนัก เพราะกังวลเกี่ยวกับราคาที่จะเพิ่มสูงขึ้น สถานการณ์ที่ทำให้ดัชนีหุ้นหลักทั้ง 3 ตัวของสหรัฐ ปิดตลาดในแดนลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,201.20 จุด ลดลง 119.53 จุด หรือ 0.47% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,775.63 จุด ลดลง 11.22 จุด หรือ 0.40% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 7,695.70 จุด ลดลง 8.09 จุด หรือ 0.11%
อย่างไรก็ดี พาวเวลได้บอกปัดความกังวลถึงความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยชี้ว่า เฟดจะไม่แสดงความกังวลมากเกินไปต่อการคาดการณ์ถึงขาขึ้นของเงินเฟ้อ ที่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ทะยานสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และจะตั้งเป้าคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับประมาณ 2% ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
“เรารู้ดีว่าเงินเฟ้อกำลังเพิ่มสูงขึ้น เราไม่ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ ผมคิดว่า เราคงไม่มีท่าทีตอบสนองเหมือนกับว่าเงินเฟ้ออยู่สูงกว่า 2% แล้ว ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 2% ”
ทั้งนี้ เฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 เป็นต้นมา ในความพยายามที่จะรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจไว้ในระดับที่มีเสถียรภาพ โดยไม่กระตุ้นให้เงินเฟ้อพุ่งสูงเกินไป
ติดตามเงินเฟ้อ
แถลงการณ์ของเอฟโอเอ็มซี เน้นว่า ไม่มีแนวโน้มที่การขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการให้คำจำกัดความว่า “แข็งแกร่ง” แทนคำว่า “ปานกลาง” ที่เคยใช้ทุกครั้งที่ผ่านมา
เฟดยังเลือกเปลี่ยนถ้อยคำที่ใช้อธิบายถึงการขึ้นดอกเบี้ยด้วย โดยในครั้งนี้ แถลงการณ์ระบุว่าอัตราดอกเบี้ย “จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยให้สอดคล้องกับการขยายตัวอย่างมั่นคงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ใกล้กับระดับสมมาตรของคณะกรรมการที่ 2% ในระยะกลาง”
การเลือกใช้คำว่า “สมมาตร” และ “ระยะกลาง” ถือเป็นการบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า เฟดไม่เร่งรัดที่จะให้เงินเฟ้อขยายตัวถึงระดับ 2% และจะยังยืดหยุ่นอยู่ หากเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่เหนือระดับดังกล่าวในระยะสั้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เหล่านักวิเคราะห์มองว่า เฟดมีการโน้มเอียงไปทางสายเหยี่ยวมากกว่าที่คาดกันไว้
ทั้งนี้ พาวเวลบอกว่า เฟดจะเดินหน้าจับตาข้อมูลด้านราคา และการจ้างงานอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อประเมินผลกระทบของเงินเฟ้อ และนโยบายการค้า ที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจรายไตรมาส แสดงให้เห็นว่า ในขณะนี้ บรรดานายธนาคารกลางต่างคาดว่า เมื่อพ้นปีนี้ไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับ 2.4% แทนที่จะเป็น 2.1% ตามที่คาดการณ์กันไว้เมื่อเดือนมีนาคม และตัวเลขคาดการณ์อัตราเฉลี่ยสำหรับปี 2562 อยู่ที่ 3.1% เพิ่มขึ้นจากที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.9% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง สำหรับปีนี้ และปีหน้า
