ท่ามกลางการซื้อกิจการร้านกาแฟกันฝุ่นตลบ สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจร้านกาแฟยังคงเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน และอีกทำเลทองที่น่าจับตาของธุรกิจร้านกาแฟ ย่อมหนีไม่พ้นสถานีบริการน้ำมัน หรือปั๊มน้ำมัน เห็นได้จากการเปิดร้านกาแฟในทุกปั๊มทุกแบรนด์ เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งแม็กเน็ต หรือแม่เหล็กดึงลูกค้าเข้าใช้บริการในปั๊ม
การดึงร้านกาแฟหรือการสร้างแบรนด์ร้านกาแฟเพื่อเปิดให้บริการในปั๊มน้ำมัน ถือเป็นธงที่สถานีบริการน้ำมันทุกรายต้องทำ ตามเป้าหมายที่จะสร้างรายได้จากธุรกิจ นอนออยล์ (Non-Oil) หรือรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน เนื่องจากน้ำมันเป็นธุรกิจที่กำไรน้อยมาก หากเทียบกับธุรกิจ นอน-ออยล์ (Non-Oil) และยังต้องการสร้างความครบวงจรของปั๊มน้ำมันด้วยการมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ และให้เกิดการเข้ามาใช้บริการซ้ำ
จนทำให้ปัจจุบัน ภาพของสถานีน้ำมัน แทบจะกลายร่างเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดย่อมๆ ก็ว่าได้!!!
ปัจจุบัน ร้านกาแฟและปั๊มน้ำมันจึงกลายเป็นของคู่กันชนิดที่ขาดไม่ได้ มาดูกันว่าตอนนี้ ปั๊มไหนมีแบรนด์อะไรกันบ้าง
เริ่มจากพี่ใหญ่ ปั๊ม ปตท. ที่ปลุกปั้นร้านกาแฟแบรนด์ของตัวเอง “คาเฟ่อเมซอน” ที่ได้สาขาของปั๊มปตท.ที่มีมากที่สุดในขณะนั้น และการขยายสาขาออกนอกปั๊ม ขยายทั้งรูปแบบลงทุนเปิดเอง และขายแฟรนไชส์ จนทำให้ปัจจุบัน “คาเฟ่อเมซอน” เป็นเชนร้านกาแฟที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศไทย และขยายสาขาไปต่างประเทศแล้วด้วย
ในปี 2561 รายได้ของร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนคาดว่าอยู่ที่ 12,820 ล้านบาท ด้วยยอดขายรวมกว่า 180 ล้านแก้ว และในปี 2562 นี้ อเมซอนจะมีจำนวนสาขารวมกันกว่า 3,000 สาขา แบ่งเป็นในไทย ที่ขณะนี้มี 2,509 สาขา โดยเป็นร้านรูปแบบขายแฟรนไชส์ 85% และอีก 15% บริษัทลงทุนเอง และในต่างประเทศเปิดให้บริการแล้ว 193 สาขา
นอกจากนี้ ในปี 2565 ปตท.ตั้งเป้าหมายมีร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนกว่า 4,000 แห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ปัจจุบันเปิดแล้วใน 7 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ พม่า โอมาน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และยังอยู่ระหว่างศึกษาตลาดจีน และเวียดนามด้วย ตามแผนงาน 3 ปีจากนี้ (2562-2564) ตั้งเป้าเปิดร้านคาเฟ่ อเมซอนทั่วในไทยและต่างประเทศรวมกันเฉลี่ยปีละ 400 สาขา!!
ทั้งหมดนี้ เพื่อให้คาเฟ่ อเมซอน เป็นแบรนด์ร้านกาแฟระดับโลก ซึ่งขณะนี้ก็ต้องบอกว่าไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว เพราะขยายสาขาได้มากกว่าปั๊ม ปตท. ที่มีเป้าหมายเปิดครบ 2,000 สาขาในปีนี้ แต่ร้านคาเฟ่อเมซอนเกิน 2,000 สาขาไปเรียบร้อยแล้ว แม้จะห่างไกลจากแบรนด์ระดับโลกอย่างสตาร์บัคส์ที่มีสาขา 30,000 แห่ง แต่การติดท็อป 5 ไม่ใช่เรื่องยากแน่นอนสำหรับ ปตท.
มาถึงมวยรองอย่างร้านกาแฟ “อินทนิล” ซึ่งก็เป็นบริษัทในเครือ ปตท. ปัจจุบันจากจำนวนปั๊มน้ำมันบางจากที่มี 1,170 แห่งและมีแผนเพิ่มอีก 80 แห่งในปีนี้ มีร้านกาแฟอินทนิลเปิดบริการแล้ว 550 แห่ง ณ สิ้นปี 2561 ส่วนปีนี้วางแผนเพิ่มอีก 200 แห่ง ซึ่งจะส่งผลให้มีร้านอินทนิลในปั๊มบางจากรวมเป็น 750 แห่งในสิ้นปี 2562
ต้องบอกว่า ร้านอินทนิล ใช้โรดแมปการขยายธุรกิจของพี่ใหญ่ คาเฟ่อเมซอนก็ว่าได้ เพราะนอกจากการขยายในปั๊มแล้ว ยังเริ่มขยายสาขาออกนอกปั๊ม รวมถึงมองไกลถึงการขยายสาขาในต่างประเทศที่วางแผนเปิดประมาณ 50 สาขา ตามแผนงาน 5 ปี (ปี2561-2565) อีกด้วย ปัจจุบันร้านอินทนิลถือว่ามีสาขามากเป็นอันดับ 2 ในทำเลปั๊มรองจาก คาเฟ่ อเมซอน
แต่ที่น่าจับตามากที่สุดสำหรับปีนี้คือ ปั๊มพีที โดยบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือพีทีจีที่ถือว่าเป็นน้องใหม่มาแรงสุดๆ จากแผนขยายสาขาปั๊มพีทีให้ถึง 2,000 สาขาในปีนี้ จากเดิม 1,884 สาขา
นั่นหมายความว่าปั๊มพีที จะตีตื้นขึ้นมาวัดรอยเท้าพี่ใหญ่อย่าง ปตท.เลยทีเดียว ในแง่ของจำนวนสาขาปั๊มที่เปิดให้บริการที่จะขึ้นมาเทียบเท่า ปตท.ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของร้านกาแฟ ที่ พีทีจี ปลุกปั้นแบรนด์ร้านกาแฟ “พันธุ์ไทย” เพื่อเปิดให้บริการในปั๊มพีที ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 204 สาขา โดยใช้รูปแบบแฟรนไชส์เพื่อให้ขยายสาขาได้รวดเร็วขึ้น โดยวางแผนขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยปีนี้เพิ่มอีก 130 สาขา แบ่งเป็นสาขารูปแบบร้านแฟรนไชส์ 100 สาขา และพีทีจีลงทุนเอง 30 สาขา พร้อมทั้งวางเป้าหมายระยะยาวปี 2566 จะเปิดเพิ่มเป็น 1,170 สาขา แบ่งเป็นร้านที่ลงทุนเอง 400 สาขา และร้านแฟรนไชส์ 770 สาขา
ทำให้ร้านกาแฟพันธุ์ไทย จะแซงหน้าร้านกาแฟอินทนิล ขึ้นแท่นอันดับสองภายใน 4 ปีจากนี้!!
อีกค่ายที่มีแบรนด์ร้านกาแฟของตัวเองคือ ค่ายปั๊มเชลล์ โดยบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย ที่ปั้นแบรนด์ “เดลี่คาเฟ่” เพื่อเปิดให้บริการลูกค้าในปั๊มเชลล์ แม้ปัจจุบันจะยังมีสาขาเพียง 55 สาขา แต่จากแผนงานที่วางไว้ว่าจะเปิดเพิ่มปีละไม่ต่ำกว่า 30 สาขา ก็ถือว่าประมาทไม่ได้ทีเดียว จากจำนวนปั๊มเชลล์ที่ตั้งเป้าจะขยายให้ถึง 800 สาขาภายในปี 2562 นี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 520 ปั๊มทั่วประเทศ
สะท้อนได้ว่า ร้านกาแฟเดลี่คาเฟ่ ยังมีทำเลปั๊มเชลล์ ที่สามารถขยายสาขาได้ถึง 800 สาขา นั่นเอง!!
ขณะที่ คาลเท็กซ์ ก็เป็นอีกปั๊มที่น่าจับตาไม่แพ้กัน เมื่อ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ตั้งเป้ารุกธุรกิจนอนออยล์เต็มสูบ โดยเฉพาะร้านกาแฟ ที่จับมือกับ กลอเรีย จีนส์ คอฟฟี่ กาแฟพรีเมี่ยมสัญชาติออสเตรเลีย พัฒนาคอนเซ็ปต์และแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “เอ็กเพรสโซ่ บาย กลอเรีย จีนส์” (Expresso by Gloria Jean’s) ซึ่งแบรนด์นี้จะเปิดเฉพาะในปั๊มคาลเท็กซ์เท่านั้น
ขณะนี้ เอ็กเพรสโซ่ บาย กลอเรีย จีนส์ ประเดิมเปิดในปั๊มคาลเท็กซ์แล้ว 5 แห่ง พร้อมตั้งเป้าหมายจะเปิดสาขาต่อเนื่อง โดยประเดิมจาก 30 แห่งปีนี้ จากจำนวนปั๊มคาลเท็กซ์สิ้นปีนี้อยู่ที่ 420 แห่ง
ปัญหาของการขยายตัวในปั๊มคาลเท็กซ์ คือ ปัจจุบัน คาลเท็กซ์ มีร้านกาแฟหลายแบรนด์ที่เปิดในปั๊มคาลเท็กซ์ อาทิ Munch Coffee, Rabika coffee, ร้านกาแฟ ดิโอโร่ (Caffè D´Oro) ซึ่งต้องทะยอยให้หมดสัญญาจึงจะเปิดร้านเอ็กเพรสโซ่ บาย กลอเรีย จีนส์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังถือว่า สาขาปั๊มคาลเท็กซ์ เป็นขุมทองสำคัญของ กลอเรีย จีนส์ คอฟฟี่ ในการขยายแบรนด์น้องใหม่เพื่อจับตลาดได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และขยายสาขาได้รวดเร็วขึ้น
ปิดท้ายกันที่ ปั๊มเอสโซ่ ซึ่ง ณ สิ้นปี 2561 มีจำนวนปั๊มอยู่ที่ 608 สาขา และตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 30-40 สาขาในปี 2562 ซึ่งจะเห็นได้ว่าในแง่สาขายังมากกว่าคาลเท็กซ์ แต่ร้านกาแฟในปั๊มเอสโซ่ จะมีหลากหลายแบรนด์เช่นเดียวกับคาลเท็กซ์ มีหลายแบรนด์ที่เปิดทั้งในเอสโซ่ และคาลเท็กซ์ เช่น Rabika coffee, ร้านกาแฟ ดิโอโร่ (Caffè D´Oro)
ก้าวสำคัญของเอสโซ่ในเรื่องของร้านกาแฟในปั๊ม คือ การจับมือสตาร์บัคส์ เปิดร้านสตาร์บัคส์ ในปั๊มเอสโซ่ ประเดิม 3 สาขาแรกที่ เอสโช่สาขาบางบัวทองนนทบุรี, วังมะนาวเพชรบุรี และกาญจนบุรี อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า ร้านสตาร์บัคส์ไม่สามารถเปิดได้ในทุกสาขาของเอสโซ่ ด้วยความที่มีภาพลักษณ์เป็นแบรนด์พรีเมียม จึงมีความพร้อมที่จะเปิดเฉพาะในสาขาปั๊มเอสโซ่ที่ยกระดับปรับใหม่เป็นพรีเมียมเท่านั้น
จะเห็นได้ว่า ร้านกาแฟ ยังคงเป็นจุดขายหลักที่ช่วยดึงคนให้เข้ามาใช้บริการในปั๊ม ขณะที่ปั๊มน้ำมันเองก็เป็นทำเลทองสำหรับแบรนด์กาแฟที่จะใช้เป็นโอกาสในการขยายสาขาเช่นกัน จึงเรียกได้ว่า วิน-วิน ทั้งสองฝ่าย และสำหรับผู้บริโภคเอง นอกจากสภาพแวดล้อมปั๊มที่น่าเข้าใช้บริการ อย่าง ห้องน้ำ มินิมาร์ท ร้านอาหารแล้ว ร้านกาแฟก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคเลือกเช่นกัน
ดังนั้น ศึกร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน จึงดุเดือดเข้มข้น ไม่แพ้สมรภูมินอกปั๊มทีเดียว!!
