General

แนะเกษตรกรใช้สมุนไพร ‘รางจืด’ ขับพิษจากสารเคมี

แนะเกษตรกรใช้ “รางจืด” ขับสารพิษจากเคมีเกษตรออกจากร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้น เหตุช่วงทำการเพาะปลูก อาจได้รับสารพิษจากยาฆ่าแมลง หรือสารกำจัดศัตรูพืช

จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า สถานการณ์การเจ็บป่วยจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ปี 2544 – 2560 มีผู้ป่วยได้รับพิษจากสารเคมีรวม 34,221 ราย มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 49 ราย หรือโดยเฉลี่ยมีผู้ป่วยปีละ 2,013 ราย  และจากรายงานประจำปี 2561 สำนักโรคจากการประกอบอาชีพ และสิ่งแวดล้อมกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำการคัดกรองความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช พบว่า ปี 2561 มีผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีผลเสี่ยง และไม่ปลอดภัย 40.99%  คิดเป็น 342,737 ราย จากจำนวนทั้งหมด 836,118 ราย

นพสรรพงศ์03 ปก
นพ.สรรพงศ์ ฤทธิรักษา

นพ.สรรพงศ์ ฤทธิรักษา รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงฤดูฝน เป็นช่วงฤดูกาลเพาะปลูก เกษตรกรมักเร่งทำการเกษตร เพื่อให้พืชผลทางการเกษตรเจริญเติบโต จึงมีการใช้สารเคมีเพื่อเร่งผลผลิต อีกทั้งมีการใช้สารเคมีกำจัดพืช ซึ่งสารเคมีเหล่านี้ อาจก่อให้เกิดอันตราย และเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ ทางการหายใจ ทางปาก ทางผิวหนัง สำหรับอาการ และความรุนแรงนั้น ขึ้นอยู่กับระดับสารพิษที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย

หากมีความจำเป็น ต้องฉีดพ่นยาฆ่าแมลง หรือ สารกำจัดศัตรูพืช ก็ควรป้องกันร่างกายตนเอง โดยสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด และอุปกรณ์ป้องกันอันตราย ตรวจเช็กอุปกรณ์การฉีดพ่น ให้อยู่ในสภาพดี หากหัวฉีดอุดตัน ห้ามใช้ปากเป่า แต่ให้ถอดหัวฉีดออกมาทำความสะอาดโดยแช่ในน้ำ ห้ามกินอาหาร น้ำ หรือสูบบุหรี่ ขณะผสมสารเคมี กรณีสัมผัสสารเคมีทางผิวหนัง ให้ชำระล้างด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ อย่างน้อย 15 นาที รีบอาบน้ำฟอกสบู่เปลี่ยนเสื้อผ้า และไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่ลมแรง หรือฝนตก และยืนให้อยู่เหนือลมเสมอ

picture 232

ส่วนศาสตร์ทางด้านการแพทย์แผนไทย มีการนำสมุนไพร “รางจืด” มาใช้ในการขับสารพิษ จากยาฆ่าแมลง หรือ สารกำจัดศัตรูพืช ให้นำใบสด 5-7 ใบ คั้นกับน้ำ 1 แก้ว ขนาด 250 มิลลิลิตร รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา ต่อเนื่อง 7 วัน เพราะรางจืด มีฤทธิ์เย็น เมื่อกินติดต่อกัน อาจทำให้ระบบในร่างกายเสียสมดุลได้

ปัจจุบันโรงพยาบาลในประเทศไทยหลายแห่ง ได้มีการศึกษา และนำมาใช้จริงกับเกษตรกลุ่มเสี่ยงที่ใช้สารเคมี ทำให้พบว่า ภูมิปัญญาดังกล่าวนำมาใช้ ควบคู่ กับการป้องกันตัวเองจากสารเคมี นับเป็นการบรรเทาอาการจากสารพิษดังกล่าวได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้การป้องกันตัวเองเบื้องต้น ก่อนสัมผัสสารเคมีทางร่างกายก็ยังต้องทำเป็นลำดับแรก

ปัจจุบันรางจืดถูกบรรจุเป็นยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ในรูปแบบชาชง มีสรรพคุณถอนพิษ เบื่อเมา ขนาดและวิธีใช้ รับประทานครั้งละ 2 – 3 กรัม ชงกับน้ำร้อน 120 – 200 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร หรือเมื่อมีอาการ ควรระวังการใช้ ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาอื่นอย่างต่อเนื่อง

เพราะรางจืดอาจเร่งการขับยาเหล่านั้นออกจากร่างกาย ทำให้ประสิทธิผลของยาลดลง หากรับประทานยาอื่นอยู่ ควรรับประทานยารางจืดหลังจากรับประทานยาอื่นแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หากมีข้อสงสัยการใช้รางจืดติดต่อสอบถามได้ตามโรงพยาบาลที่มี การให้บริการแพทย์แผนไทยทั่วประเทศ

Avatar photo