นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา จัดหนักกลางที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) ประณามการใช้เรื่องสิทธิมนุษยชน มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ท่าทีล่าสุดของผู้นำกัมพูชาในการโต้กลับต่อแรงกดดันจากชาติตะวันตก ต่อประวัติการดำเนินงานของรัฐบาล
ฮุน เซน ซึ่งขึ้นบริหารประเทศกัมพูชามานานกว่า 34 ปี เผชิญกับเสียงวิจารณ์อย่างมากต่อการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว ที่จัดขึ้นโดยไม่มีพรรคฝ่ายค้าน หลังจากที่ศาลฎีกาตัดสินยุบพรรคการเมือง แกนนำฝ่ายค้าน ก่อนหน้ากำหนดการเลือกตั้งไม่นานนัก
ในการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ครั้งล่าสุดนี้ ผู้นำกัมพูชาระบุว่า ประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนมักถูกหยิบยกขึ้นมาเป็น “ตัวประกัน” ในการเจรจา เพื่อผูกสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
ท่าทีดังกล่าวของเขายังเกิดขึ้นหลังจากที่สหภาพยุโรป (อียู) ดำเนินมาตรการหลายขั้นตอนตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ เพื่อยกเลิกการให้ประโยชน์ทางการค้าในด้านต่างๆ ส่วนหนึ่งของการตอบโต้ต่อการเลือกตั้งกัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรรมสิ่งทอท้องถิ่น
“เรารู้สึกเศร้ามากที่ได้รู้ว่า ทุกวันนี้มีประเทศมหาอำนาจบางราย นำเรื่องสิทธิมนุษยชนมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือเป็นข้ออ้างที่พวกเขาจะเข้าแทรกแซงอำนาจอธิปไตยของประเทศที่อ่อนแอกว่า”
นอกจากจะโดนอียูวิจารณ์แล้ว รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเลือกตั้งในกัมพูชาว่าเป็นการบั่นทอนประชาธิปไตยในประเทศด้วย
แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อสหรัฐ หรืออียู แต่ฮุน เซนก็ได้โจมตี “บางประเทศ” ว่า กล่าวหากัมพูชาละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งที่ประวัติด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศเหล่านี้ ล้วนแต่เต็มไปด้วยความเกลียดชังชาวต่างชาติ การเหยียดผิว และปฏิบัติต่อผู้อพยพอย่างไม่เหมาะสม
ผู้นำกัมพูชายังประณามเหล่าเอ็นจีโอด้วยว่า ทำงานเหมือนกับเป็นหุ่นเชิด เพื่อผลประโยชน์ของชาวต่างชาติ
