Marketing Trends

โซเชียลคอมเมิร์ซ หนุนโลจิสติกส์พุ่ง เทรนด์แรง ‘แข่งเร็ว-เปิด24ชั่วโมง-ส่ง365วัน’

การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3.8 ล้านล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเติบโต 20% จากปี 2561 ที่ผ่านมาที่มีมูลค่าอยู่ที่ 3.2 ล้านล้านบาท เป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากถึงกว่า 45 ล้านคน และใช้โซเชียลมีเดียสูงมาก โดยเฉพาะไลน์ที่มีผู้ใช้กว่า 44 ล้านคน เฟซบุ๊กกว่า 52 ล้านราย ทำให้โซเชียลคอมเมิร์ซมาแรงไม่แพ้อีคอมเมิร์ซเช่นกัน

6

สถานการณ์ดังกล่าว ยังส่งผลให้ธุรกิจขนส่งสินค้า หรือ โลจิสติกส์ เติบโตตามไปด้วย จนมีมูลค่าสูงถึงกว่า 30,000 ล้านบาทในปัจจุบัน และมีการแข่งขันรุนแรงขึ้นทุกขณะ ทั้งจากผู้ประกอบการรายรายเดิมในตลาด และผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามาร่วมวงแข่งขันมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการในทุกธุรกิจนี้ ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อดึงใจลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาการให้บริการอย่างเห็นได้ชัด เช่น การขยายให้บริการเก็บเงินปลายทาง การจัดส่งภายในวันเดียวเป็นต้น

สุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด 1 1

นายสุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด สตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์สัญชาติไทย ที่รวบรวมบริษัทขนส่งมาไว้ในระบบเดียว เปิดเผยเทรนด์ธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทยว่า ในปีที่ผ่านมาธุรกิจโลจิสติกส์ในไทย แข่งขันกันที่ความสามารถในการจัดส่งสินค้าไปต่างจังหวัด

 

แต่สำหรับปีนี้แนวรบการแข่งขันจะอยู่ที่การส่งแบบ “Same Day” หรือ ส่งเช้าได้เย็น!!

การเติบโตในธุรกิจโลจิสติกส์ ส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่กลุ่มไปรษณียภัณฑ์และรับส่งสินค้า ที่ได้อานิสงส์จากอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลคอมเมิร์ซเป็นหลัก โดยพบว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจนี้เติบโตต่อเนื่อง เห็นได้จากปี 2559 มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 27,200 ล้านบาท ในปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 28,100 ล้านบาท และปี 2561 ที่ผ่านมา เพิ่มเป็นกว่า 30,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% จากปี 2560 มีปริมาณการส่ง 3.5 – 4 แสนชิ้นต่อวัน

2 1

 

ทั้งนี้ เทรนด์ของธุรกิจโลจิสติกส์ในปีนี้ จะประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.Same Day เดลิเวอรี่ ที่จะแข่งขันกันให้บริการมากขึ้น 2.โลจิสติกส์จะเปิดให้บริการจัดส่งตลอด 24 ชั่วโมง และ 3. จะให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด หรือ 365 วัน

นอกจากนี้ ยังพบว่าการที่ธุรกิจโลจิสติกส์จะแข่งขันส่งเช้าได้เย็นมากขึ้น เนื่องจากผลสำรวจลูกค้าพบว่า 53% ของผู้ซื้อออนไลน์ จะไม่ซื้อสินค้าถ้าการขนส่งล่าช้า และ 47% ของผู้บริโภค ยอมจ่ายเพิ่มถ้าได้ขนส่งแบบ Same Day หรือ Next Day คือได้ในวันรุ่งขึ้น รวมทั้งผู้ค้า 51% ใช้บริการ Same Day เดลิเวอรี่ อยู่แล้ว

5 1

 

ทั้งหมดนี้เป็นเทรนด์ที่ธุรกิจโลจิสติกส์จะปรับตัวไปในทิศทางดังกล่าว โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การตอบสนองลูกค้าสองฝั่งคือ ผู้ซื้อ และ ผู้ขายสินค้าออนไลน์ให้ดีที่สุดนั่นเอง

 

Avatar photo