ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเทสโก้โลตัส ผู้นำธุรกิจค้าปลีกกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่วันนี้ประกาศแนวรบครั้งสำคัญด้วยเดินหน้าขยายร้านฟอร์แมทคอนวีเนียนสโตร์ ทั้งการเพิ่มสาขา ปรับปรุงสาขาเดิม และปรับตำแหน่งทางการตลาดใหม่ ที่ขยับเข้าไปใกล้เคียงผู้นำตลาดคอนวีเนียนสโตร์อย่างเซเว่นอีเสฟเว่น ที่ ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “อิ่มสะดวก” มากขึ้น
นั่นคือ การเพิ่มรายการสินค้ากลุ่มอาหารพร้อมทานและกาแฟ มากขึ้น ภายใต้เหตุผลที่ว่าต้องการตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะความเป็นสังคมเมืองที่ขยายตัวรวดเร็ว และต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้โลตัส เปิดเผยว่า แผนการขยายธุรกิจของเทสโก้โลตัสใน 3 ปีจากนี้ จะเน้นการขยายสาขาของเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสที่ปัจจุบันมีอยู่ 1,600 สาขา เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 750 สาขา หรือมีสาขาใหม่เกิดขึ้นปีละ 250 สาขา ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า จากปกติที่เปิดสาขาใหม่ปีละประมาณ 50-60 สาขาเท่านั้น โดยใช้งบลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 5 – 10 ล้านบาท
สิ่งสำคัญคือ การปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ของเทสโก้โลตัส เอ็กซ์เพรส ด้วยการเพิ่มสินค้ากลุ่มอาหารพร้อมทานเข้ามาจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีประมาณ 200-300 รายการ จากสินค้าที่จำหน่ายในเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสรวม 3,000 รายการ รวมถึงการเพิ่มกาแฟมาจำหน่าย โดยปัจจุบันได้เริ่มปรับโฉมเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสรูปแบบใหม่แล้ว 30 สาขา และคาดว่าจะเป็นร้านโฉมใหม่ทั้งหมดภายใน 3 ปีจากนี้
“เทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสเดิม จะเป็นคอนเซ็ปต์หลัก For Later คือซื้อกลับไปปรุงหรือทานที่บ้าน และมี For Now คือทานได้เลยในสัดส่วนไม่มากนัก แต่คอนเซ็ปต์ใหม่จะเป็น For Today ที่เพิ่มสินค้าอาหารที่ทานได้ทันที เพื่อให้สอดรับกับความเป็นสังคมเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว”นายสมพงษ์กล่าว
ปัจจุบันประเทศไทยทั้งหมดเป็นสังคมเมืองเกือบ 50% และคาดว่าในปี 2573 สังคมเมืองจะขยายสัดส่วนเป็น 58.4% ดังนั้น เทสโก้ โลตัสเอ็กซ์เพรส ก็จะเน้นเปิดในทำเลที่เป็นไลฟ์สไตล์สังคมเมืองด้วย
นอกจากนี้การขยายตัวของสังคมเมือง รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวกสบาย ต้องการสินค้าที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ ยังเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เทสโก้ โลตัส ต้องปรับรูปแบบร้านให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่เปลี่ยนไป
จากแนวโน้มดังกล่าว ไม่ได้มีผลเฉพาะการปรับเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับเปลี่ยนร้านรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ๋ โดยจะปรับพื้นที่ลดลงสำหรับสาขาใหม่ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นสาขาที่อยู่ในระดับอำเภอ โดยจะมีขนาดประมาณ 3,000-4,000 ตารางเมตร จากเดิมอยู่ที่หลัก 10,000 ตารางเมตร รวมถึงลดขนาดพื้นที่ขายของเทสโก้ โลตัสเองลง และเพิ่มพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้ามากขึ้น
“ตัวอย่างเช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ตสาขาพัฒนาการ ที่ลดพื้นที่ขายของเทสโก้ลง 2,000 ตารางเมตร เปลี่ยนเป็นร้านค้าเช่า โดยจะเป็นการปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ลูกค้าในแต่ละทำเล”นายสมพงษ์กล่าว
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางข่าวลือการขายกิจการ ผู้บริหารเทสโก้โลตัส ประเทศไทย ยืนยันหนักแน่นว่า บริษัทแม่พร้อมลงทุนในธุรกิจค้าปลีกในตลาดสำคัญที่มีการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงประเทศไทย โดยแต่ละปี เทสโก้โลตัสทั่วโลกใช้เงินลงทุนปีละไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท และจะลงทุนต่อเนื่องในอัตราดังกล่าว โดยเฉพาะในเอเชียที่มีการเติบโตถึง 2.6% ขณะที่ภาพรวมเทสโก้ทั่วโลกเติบโตเพียง 0.4% เท่านั้น
กลยุทธ์ที่เทสโก้ โลตัส ประเทศไทยจะใช้เป็นโรดแมปการทำธุรกิจนับจากนี้คือ ความเรียบง่าย ในแง่การใช้งานหรือใช้บริการของลูกค้าที่ต้องง่าย ไม่ซับซ้อน, ความแตกต่าง จากคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน โดยราคาเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ความคุ้มค่าและคุณภาพจะสร้างความแตกต่างได้จากคู่แข่ง รวมถึงสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ของเทสโก้เองที่ 100% เป็นการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย และ การทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์
