Politics

จำคุก 8 ปี ‘ชาญชัย อิสระเสนารักษ์’ คดีหมิ่นประมาท ‘คิงเพาเวอร์’

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่บริษัท คิงเพาเวอร์ จำกัด กับพวกรวม 4 ราย เป็นโจทก์ฟ้องนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เป็นจำเลยใจความผิดฐานหมิ่นประมาท ใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328

บรรยายฟ้องว่าเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 จำเลยดูหมิ่นโจทก์ทั้งสอง ด้วยการโฆษณา และใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสอง โดยการโฆษณาด้วยการแถลงข่าวหรือป่าวประกาศเผยแพร่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ รวมทั้งข้าราชการประจำรัสภา ที่รับฟังการแถลงข่าวของจำเลย และประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม ที่บริเวณภายในรัฐสภา โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ร้ายโจทก์ในเรื่องร้ายแรง เพื่อแสวงหาประโยชน์ในชื่อเสียทางการเมืองหรือประการใดๆ

จากการแถลงข่าว ด้วยการยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโจทก์ทั้งสองอันเป็นเท็จว่า เซ็นสัญญากับบริษัทคิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ การตรวจสอบของผมกับคณะอนุฯ ได้ไปพบเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง กับ บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิไม่ได้เป็นผู้ซื้อซองประกวดราคา ไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ในขั้นตอนของกการพิจารณาเชิงเทคนิค หรือขั้นตอนการประกวดราคาใด ๆ ทั้งสิ้นเลยคณะกรรมการมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548 และเข้าบอร์ดอนุมัติเพื่อเซ็นสัญญา กับคิง เพาเวอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล เท่านั้น แต่เวลาลงนามในสัญญา บริษัทคิงเพาเวอร์ สุวรณภูมิ กลับมาลงนามในสัญญาแทน และเพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ก่อนลงนามสัญญาแค่ 2 วัน เพราะฉะนั้นสัญญานี้ตั้งแต่เริ่มมีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้น ตั้งแต่ 2548 เป็นต้นมา ถือเป็นสัญญาที่ นับเป็นสัญญาที่โมฆะมาตั้งแต่เริ่มแรก และผิดกฎหมายหลายฉบับ

ฉะนั้น เรียนให้สื่อมวลชนให้ทราบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการเรียกทรัพย์สินบางส่วนที่เสียหายไปคืนหลายหมื่นล้าน ถ้าเรียกได้โดยรัฐบาลยุคนี้ทำได้ ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นค่าภาษีโรงเรียนหลายพันล้านบาท ซึ่งจำเลยให้สัมภาษณ์ในวันที่ 8 มิถุนายน 2559 ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น ความจริงแล้ว จำเลยได้รู้หรือควรรู้แล้วว่าในการเข้าประมูลสัมปทานพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นการประมูลโดยเปิดเผยตรวจสอบได้ มีผู้เข้าร่วมประมูล 5 กลุ่ม ได้แก่ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และกลุ่มบริษัทอื่น

King Power

กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ ประกอบด้วย บริษัทในเครือหลายบริษัท เช่น บริษัท คิงเพาเวอร์ แทคฟรี จำกัด บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท คิงเพาเวอร์มาเก็ตติ้ง แอนด์ เมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัท สยามดี.เอฟ.เอส จำกัด ส่วนบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ในขณะที่เข้าร่วมประมูลนั้นยังไม่ได้จดทะเบียนตั้งบริษัท ก่อนการประมูล ทอท. จะเรียกกลุ่มบริษัททุกกลุ่มเข้ามาชี้แจง ข้อมูลทางด้านเทคนิค หากได้รับการคัดเลือกจะดำเนินธุรกิจอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด กับ ทอท. ซึ่งทางกลุ่ม บริษัทคิงเพาเวอร์ ชี้แจงว่า หากได้รับการคัดเลือกจะจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ เพื่อดำเนินกิจการโดยมีบริษัทในกลุ่มคิงเพาเวอร์ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะดำเนินธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ โดยปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ทุกประการ

คำแถลงข่าวของจำเลยเป็นความเท็จ เนื่องจากจำเลยแถลงข่าวในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษา เสนอแนะมาตราและกลไกการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ที่มีหน้าที่ในการศึกษาและเสนอแนะมาตรการ และกลไกในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ มิใช่หน้าที่แถลงข่าวหรือป่าวประกาศโฆษณาเผยแพร่หลายออกสู่ประชาชนทั่วไป การกระทำของจำเลย จึงมิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม หรือในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ หรือติชมด้วยความเป็นธรรม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงอู่ทองใน เขตดุสิต กรุงเทพฯ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า การที่จำเลยได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานอนุ กมธ.วิสามัญศึกษาฯ นั้น จำเลยมีสิทธิ์จัดแถลงข่าวหรือไม่ เห็นว่า แนวทางการให้ กมธ.ปฏิบัติตามข้อบังคับ สปท. ข้อ 81 วรรคท้าย ห้ามให้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หากมีเหตุจำเป็นให้ประธานฯ หรือโฆษกฯ เป็นผู้จัดการแถลงข่าว การที่จำเลยอ้างว่ามีเหตุจำเป็น และมีการเสนอเรื่องให้ประธานฯ ทราบแล้วนั้น เป็นเพียงการบอกว่าจะไปแถลงข่าว ไม่ใช่การอนุญาตให้มีการแถลงข่าว และแม้จำเลยอ้างว่าได้รับการแต่งตั้งให้ไปตรวจสอบการทุจริต

ชาญชัย

ดังนั้นการที่จำเลยแถลงข่าวก็เป็นในทำนองวินิจฉัยความผิดเสียเอง ส่วนที่จำเลยอ้างว่าการกระทำของโจทก์ ทำให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท ก็เป็นการคาดคะเนของจำเลยเท่านั้น โดยการแถลงข่าวของจำเลยกรณี ดังกล่าวใน 8 ครั้ง โดยมีข้อความลักษณะยืนยันให้ร้ายบริษัทโจทก์ทั้งสี่ จึงเป็นการทำให้โจทก์ทั้งสี่ ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นแล้ว และเมื่อยังปรากฏว่าข้อความที่แถลงนั้นถูกเผยแพร่ไปยังสื่อมวลชน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามมาตรา 328 ด้วย

จึงพิพากษาลงโทษจำเลย ตามมาตรา 328 ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ให้จำคุก 8 กระทงๆ ละ 1 ปี เป็นจำคุกทั้งสิ้น 8 ปี

อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีเจตนาเป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ สมควรให้โอกาสกลับตัว และจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาลงหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ มติชน ข่าวสด เดอะเนชั่น สยามรัฐ และคมชัดลึก

ด้านนายชาญชัย กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษา ว่า คดีนี้ศาลพิพากษาจำคุก แต่ให้รอลงอาญาไว้ ซึ่งตนเคารพศาล แต่ก็มีความเห็นต่าง เนื่องจากก่อหน้านี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้กับศาลแพ่งที่เคยวินิจฉัยให้ยกฟ้องในมูลเหตุเดียวกัน ตนจึงขออนุญาตใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป

ด้านนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความของกลุ่มบริษัทคิงเพาวเวอร์ กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลอาญา ที่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงโดยละเอียด และให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มบริษัทคิงเพาวเวอร์

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight