รายงานวิจัยของ “เมย์แบงก์ กิมเอ็ง”ชี้ เศรษฐกิจสิงคโปร์อาจเข้าสู่ “ภาวะถดถอยทางเทคนิคแบบตื้นๆ” ในไตรมาส 3 ปีนี้ จากแนวโน้มการค้าโลกที่ย่ำแย่ลง
เมย์แบงก์ ระบุว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐที่รุนแรงมากขึ้น ได้สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์ ที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก
“การติดขัดในซัพพลายเชน มีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น จากการที่สงครามการค้าขยายวงกว้างครอบคลุมถึงภาคเทคโนโลยี และสหรัฐควบคุมการส่งมายังบริษัทเทคโนโลยีจีนมากขึ้น” ฉั่ว ฮัก บิน และลี จู เย๋ นักเศรษฐศาสตร์เมย์แบงก์ ระบุไว้ในรายงานวิจัย
ภาวะซบเซาในการส่งออก ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการผลิต ซึ่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หดตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะแนวโน้มภาคอิเล็กทรอนิกส์ ที่คิดเป็นสัดส่วน 27% ของผลผลิตโรงงานโดยรวม อ่อนแอลง จากมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตชิพ อย่าง บรอดคอม อิงค์ และอินเทล คอร์ป ที่ดำเนินงานอยู่ในสิงคโปร์
เมย์แบงก์คาดการณ์ด้วยว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีนี้จะขยายตัวราว 1.3% ลดลงจากการประเมินก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวราว 1.6% และต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตในช่วง 1.5%-2.5%
รายงานยังชี้ว่า ถ้าหากเกิดภาวะเศรษฐกิจหดตัว ที่เกิดขึ้นจากการที่เศรษฐกิจขยายตัวลดลง 2 ไตรมาสติดต่อกันนั้น ก็มีโอกาสมากขึ้นที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในเดือนตุลาคม
