World News

จบไม่สวย! ซัมมิตจี7 ลงเอยด้วยสงครามวาทะ

ที่ประชุมผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี7) กำหนด 2 วันปิดฉากลงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9 มิ.ย.) ซึ่งแม้จะมีการเห็นพ้องถึงความสำคัญของการค้าเสรี และยุติธรรม แต่การประชุมครั้งนี้กลับลงเอยด้วยสงครามวาทะ จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ แสดงท่าทีถอนตัวออกจากแถลงการณ์ร่วมที่ลงนามไปก่อนหน้านี้อย่างกะทันหัน

จบไม่สวย! ซัมมิตจี7 ลงเอยด้วยสงครามวาทะ

“เราตระหนักดีว่า การค้า และการลงทุนที่เสรี ยุติธรรม และมีประโยชน์ร่วมกัน ควบคู่ไปกับการสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการสร้างงาน” ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ที่ออกมาหลังเสร็จสิ้นการประชุม ระบุ

อย่างไรก็ดี ความไม่พอใจเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กของสหรัฐ ที่กลายมาเป็นตัวทดสอบความสัมพันธ์ของจี7นั้น ทำให้ในการแถลงข่าวปิดประชุมดังกล่าว นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา วิจารณ์นโยบายการค้าของทรัมป์ว่า เป็นการเหยียดหยาม

ขณะที่ทรัมป์ ซึ่งเดินทางกลับจากการประชุมก่อนกำหนด เพื่อเดินทางต่อมายังสิงคโปร์ ที่เขามีกำหนดพบหารือกับคิม จอง อึน ประธานประเทศเกาหลีเหนือในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ทวีตข้อความว่า ทรูโดเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ และอ่อนแอ

จบไม่สวย! ซัมมิตจี7 ลงเอยด้วยสงครามวาทะ
โดนัลด์ ทรัมป์

เขายังกล่าวถึงถ้อยแถลงของผู้นำแคนาดาว่า เป็นแถลงกาารณ์ที่ผิดพลาด และว่า ได้ให้คำแนะนำต่อผู้แทนสหรัฐไปแล้วว่าไม่ให้รับรองแถลงการณ์ที่ผู้นำจี7 ลงนามไปก่อนหน้านี้

ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ และชาติสมาชิกจี7 รายอื่นๆ ยังเห็นได้เด่นชัดในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก

“แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป(อียู) ยืนยันถึงคำมั่นอันแข็งแกร่งของพวกเขา ที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงปารีส” แถลงการณ์ระบุ และว่า สหรัฐจะเดินหน้าส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ด้วยวิธีการที่ปรับปรุงสถานการณ์ของมหาสมุทร และสิ่งแวดล้อมโลกให้ดีขึ้นต่อไป

สำหรับในเรื่องความมั่นคงนั้น นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ จากญี่ปุ่น แถลงว่า บรรดาผู้มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในเรื่องนโยบายต่างๆ ต่อเกาหลีเหนือ

ขณะที่แถลงการณ์บอกว่า จี7 ยังคงเรียกร้องให้เกาเหลีเหนือดำเนินการรื้อถอนอาวุธทำลายล้างสูง และขีปนาวุธทุกชนิด รวมถึงโครงการ และสาธารณูปโภคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight