World News

โรงกลั่นสหรัฐระเบิด จุดชนวนกังวล ‘ความปลอดภัย’ รอบใหม่

การระเบิดขนาดใหญ่ที่โรงกลั่นน้ำมันฟิลาเดลเฟียของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) ทำให้เกิดความกังวลระลอกใหม่ขึ้นมา ถึงการใช้สารเคมีที่มีความเป็นพิษสูง เพื่อใช้ผลิตน้ำมันเบนซินออกเทนสูง ตามโรงกลั่นต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น

bbb
เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้น 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งในจำนวนนี้เกิดขึ้นในส่วนของกระบวนการแยกน้ำมันดิบ (แอลคิเลชัน) ด้วยกรดไฮโดรฟลูโอริคแยกน้ำมันดิบ โดยกรดไฮโดรฟลูออริคนี้ หากอยู่ในอุณหภูมิห้อง สามารถทำให้เกิดกลุ่มหมอกพิษขึ้นมา และผู้ที่สูดดมเข้าไปก็จะส่งผลต่อสุขภาพอย่างรุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิต

ที่ผ่านมา ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงกลั่น กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมกลุ่มใหญ่สุดของสหรัฐ เคยจัดทำโครงการรณรงค์ให้ยุติการใช้กรดไฮโดรฟลูออริคในโรงกลั่น ที่ผลิตสารเพิ่มออกเทน สำหรับน้ำมันเบนซิน

ข้อมูลจากคณะกรรมการความปลอดภัยสารเคมีสหรัฐ (ซีเอสบี) พบว่า ปัจจุบัน สหรัฐมีโรงกลั่นที่ใช้กรดไฮโดรฟลูออริกในกระบวนการแอลคิเลชันอยู่ทั้งหมด 50 แห่ง หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของโรงกลั่นน้ำมัน 135 แห่งทั่วประเทศ

96434060 9438 11e9 9f47 a95bc5dbd43f

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซีเอสบีได้เรียกร้องให้สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐ นำผลการศึกษาเกี่ยวกับการใช้กรดไฮโดรฟลูออริกกลับมาศึกษาใหม่ และพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้กระบวนการอื่นเข้ามาแทนที่การใช้กรดชนิดนี้ หลังจากที่ได้จัดรับฟังความเห็นจากประชาชน ระหว่างการตรวจสอบเหตุไฟไหม้โรงกลั่นในปี 2561

“พนักงานโรงกลั่น และชุมชนที่อยู่โดยรอบ ต่างกังวลถึงความเหมาะสมในการบริหารจัดการความเสี่ยง สำหรับการใช้สารเคมีพิษอย่างกรดไฮโดรฟลูออริก”

สหภาพแรงงานเหล็ก (ยูเอสดับเบิลยู) ที่มีสมาชิกสหภาพทำงานอยู่ในโรงกลั่นใหญ่ๆ จำนวนหนึ่ง ได้เปิดโครงการรณรค์เมื่อปี 2553 เพื่อยุติการใช้กรดไฮโดรฟลูออริกในโรงกลั่น จากนั้นในปี 2556 ยูเอสดับเบิลยูพบว่า ชาวอเมริกัน 26 ล้าน มีความเสี่ยงที่จะได้รับพิษจากกรดไฮโดรฟลูออริก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุในโรงกลั่น

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมน้ำมันปฏิเสธเสียงเรียกร้่องที่จะให้ยกเลิกการใช้กรดไฮโดรฟลูออริค และหันไปใช้กรดซัลฟูริตแทน ซึ่งกรดตัวหลังนี้เมื่อรั่วไหลออกมา จะไม่เกิดกลุ่มควันพิษที่ลอยตัวในระดับต่ำ และสามารถเคลื่อนตัวไปยังบริเวณที่อยู่ใกล้เคียงได้ โดยให้เหตุผลว่า ต้นทุนจะสูงเกินไป และทางเลือกใหม่นี้ก็ยังไม่ผ่านการพัฒนาที่ดี

 

Avatar photo