ตลาด “ซูเปอร์คาร์” ในไทยยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องจาก จากกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงที่มีความมั่งคั่งมากขึ้น รวมทั้งกลุ่มที่ชื่นชอบและสะสมรถในกลุ่มนี้
บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่ในประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง เตรียมขยายศูนย์ซ่อมบำรุง ล่าสุดเปิดตัว “เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน” (Ferrari Portofino) คาดการณ์ยอดขายเฉพาะรุ่นนี้เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” จากรุ่นก่อน
วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาดรถยนต์ซูเปอร์คาร์แบรนด์ “เฟอร์รรารี่”(Ferrari) ในปี 2561 ให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ 3 ปี ที่ต้องการบุกตลาดเซ็กเมนต์แกรนด์ทัวริสโม่ (GT:Grand Turismo) มากขึ้น
โดยมี “เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน” (Ferrari Portofino) เป็นรถไฮไลท์ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดซูเปอร์คาร์สายพันธุ์ GT ที่ได้รับการตอบรับจากตลาด ซึ่งเฟอร์รารี่ รุ่นดังกล่าวจะเข้ามาแทนรุ่นแคลิฟอร์เนีย และแคลิฟอร์เนีย ที ที่ทำตลาดมา 5 ปี มียอดขายรวม 15% ของทุกรุ่นรวมกัน ส่วนรุ่น พอร์โตฟิโน คาดยอดขายรวม 25% ของทุกรุ่นใน 5 ปีข้างหน้า
ปีนี้วางเป้าหมายยอดขายเฟอร์รารี่ รุ่นใหม่ ซึ่งเสริมทัพด้วยรุ่นล่าสุดอย่าง “เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน”เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน และมียอดขายรวมเพิ่มขึ้น 25% ของเฟอร์รารี่ทุกรุ่น โดยช่วง 5 ปี (2556-2561) ยอดขายรวมของบริษัทเติบโต 100% และจำนวนรถเฟอร์รารี่ในไทยเพิ่มขึ้น “เท่าตัว” จากปี 2552 เป็นกว่า 700 คันในปัจจุบัน
“เป้าหมายของคาวาลลิโนฯ คือการเป็นผู้นำในตลาดซูเปอร์คาร์ ซึ่งในมุมของเฟอร์รารี่ ไม่ใช่แค่สปอร์ตคาร์ แต่เป็นลักชัวรี ซูเปอร์คาร์ การขยายฐานตลาดสู่เซ็กเมนต์แกรนด์ทัวริสโม่ หรือ GT เพื่อตอกย้ำตำแหน่งผู้นำที่ให้แข็งแกร่ง”
กลยุทธ์สร้างประสบการณ์ขับจริง
สำหรับกลยุทธ์บุกตลาดของเฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน ยังคงใช้การสร้างประสบการณ์ขับจริง เพื่อทดสอบสมรรถภาพของรถด้วยตัวเอง และได้ขับไปบนท้องถนนที่ตอกย้ำการใช้เดินทางในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนความคิดที่หลายคนอาจกังวลว่าการขับรถสปอร์ตเป็นเรื่องยาก หรือต้องคอยระมัดระวังพื้นผิวถนนต่างระดับ ซึ่งการสัมผัสความรู้สึกหลังพวงมาลัย ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำตลาดของเฟอร์รารี่ทั่วโลกด้วย
“หลังจากเฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน เปิดตัวทำตลาด มีเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวในเมืองไทย มียอดจองเข้ามาเป็นจำนวนพอสมควร จากจุดเด่นเป็นรถสปอร์ตหรู ที่ออกแบบให้มีระดับความสูงจากพื้นเพิ่มขึ้น ไม่โหลดมากนัก จึงไม่ต้องกังวลเรื่องระดับของพื้น หากไปจอดยังสถานที่ต่าง ๆ และรถรุ่นเปิดประทุนหลังคาแข็ง เปิดหลังคาได้ภายใน 14 วินาที”
ชูเซอร์วิสหลังการขาย 24 ชั่วโมง
ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดที่ขาดไม่ได้คือบริการหลังการขาย โดยรับประกัน 3 ปี และบริการซ่อมบำรุง ดูแลรักษา 7 ปี สำหรับรถเฟอร์รารี่ทุกรุ่นทุกคัน ตรวจเช็คสภาพรถได้ทุก 6 เดือน เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบ 1 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ และมีบริการ 24 ชั่วโมง หากลูกค้าประสบปัญหาจากการใช้รถ บริษัทสามารถส่งช่างไปบริการทันทีทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด
“การบริการหลังการขายถือเป็นหัวใจสำคัญและจุดแข็งที่คาวาลลิโนฯ ติดต่อกับบริษัทแม่โดยตรง ทำให้สามารถนำผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่ประจำอยู่สิงคโปร์ บินตรงมาวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ด้วย”
ขยายศูนย์ซ่อม 50 ล้าน
วรวุฒิ กล่าวอีกว่าเตรียมขยายศูนย์ซ่อมบำรุง ทั้งบุคลากรที่เข้ามาปรับปรุงระบบต่าง ๆ ตลอดจนลงทุนในซอฟต์แวร์ เพื่อนำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบดูแลและบริการลูกค้า โดยจะใช้งบลงทุน 50 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จปลาย ปี 2561 เพื่อรองรับปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น เสริมบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพและครบวงจรมากขึ้น เช่น เพิ่มจำนวนแท่นยกรถในศูนย์ซ่อม(Hoist) การทำสีรถ การเคาะตัวถังรถ เป็นต้น
สำหรับการบุกตลาดครั้งนี้ บริษัทยังใช้กลยุทธ์การบอกต่อ(Word of Mouth) ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของบริษัท ที่ทำยอดขายได้ถึง 60% จะมีการจัดโรดโชว์ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย และยังทำกิจกรรมร่วมกับชมรม Ferrari Owner Club Thailand ตลอดจนสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายผ่านออนไลน์ทั้ง อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก เพื่อสร้างความผูกพัน (Engagement) กับบริษัทและแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
