“มิตซูบิชิ มอเตอร์ส” เล็งใช้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตลาดหลักสร้างความสำเร็จในการจับมือเป็นพันธมิตรกับ “เรโนลต์” และ “นิสสัน มอเตอร์”
ค่ายรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นรายนี้ กำลังเสริมความแข็งแกร่งของตัวเองในภูมิภาคนี้ และคาดว่าในปี 2561 จะทำยอดขายได้สูงเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผลกำไรจากการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท
การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้น หลังจากที่มิตซูบิชิ เข้าร่วมอยู่ในกลุ่มพันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน เมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา และเกิดขึ้นหลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการปรับแต่งข้อมูลการประหยัดน้ำมัน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า หากมิตซูบิชิต้องการมีบทบาทที่โดดเด่นในกลุ่มพันธมิตรนี้ บริษัทจำเป็นต้องสร้างการเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดนี้ เป็นตลาดที่พันธมิตรทั้ง 2 ราย ยังต้องดิ้่นรนแข่งขันอย่างหนัก
“ธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา เป็นอาวุธที่จะช่วยให้เรามีส่วนร่วมในการเป็นพันธมิตร 3 ฝ่าย เราจะริเริ่มขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้” โอซามุ มาซูโกะ ซีอีโอมิตซูบิชิ กล่าว
แผนการข้างต้นของมิตซูบิชิถือว่าเป็นไปค่อนข้างดี พิจารณาจากการเปิดตัวรถมินิแวน เอ็กซ์แพนเดอร์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในอินโดนีเซีย
มินิแวนรุ่นนี้ออกแบบมาให้ดูเหมือนกับรถเอสยูวี แต่มีที่นั่ง 3 แถว ซึ่งคาดว่า จะช่วยให้บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายในตลาดอินโดนีเซียได้มากกว่า 2 เท่า ที่ 137,000 คัน ระหว่างปีงบการเงิน 2559 ถึงปีงบการเงินปัจจุบัน
มิตซูบิชิ ยังสามารถทำยอดขายในไทยเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยบริษัทมีแผนที่จะขายรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปีงบการเงิน 2561 ให้ได้ถึง 310,000 คัน เพิ่มขึ้น 14% จากปีงบการเงินก่อนหน้านี้
เป้ายอดขายดังกล่าว สูงกว่า 3 เท่าของยอดขายที่บริษัททำได้ในตลาดบ้านเกิด และคิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของยอดขายทั่วโลก
