Business

‘เทคโอเวอร์-ทุ่มลงทุนโรงงาน’ กลยุทธ์โตก้าวกระโดด ‘เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์’

เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ ประกาศรุกธุรกิจรอบด้าน เดินหน้าเทคโอเวอร์กิจการยาที่มีศักยภาพ พร้อมลงทุน 1,200 ล้านบาทใน 3 ปี ขยายโรงงานไทย และเมียนมา หวังดันธุรกิจโตกระโดด 2 เท่าภายในปี 2568

K Vivek 04
วิเวก ดาวัน

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA เปิดเผยว่า เพื่อสร้างโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงวางกลยุทธ์หลักๆ นับจากนี้ ด้วยการพิจารณาเข้าซื้อกิจการที่มีศักยภาพ และขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตั้งโรงงานผลิต การทำการตลาด ในเป้าหมายหลักกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาและมีโอกาสขยายตัวสูง ได้แก่ กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกากลางและลาตินอเมริกา แอฟริกาใต้ รวมถึงเนปาล เอธิโอเปียและโคลัมเบีย โดยคาดว่าตลาดเหล่านี้จะมีการเติบโตที่ดีในอีก 5-7 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ แผนเบื้องต้น 2 ปี จะใช้เงินลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งลงทุนไปแล้วบางส่วน ได้แก่ การลงทุน 600 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานที่ประเทศเมียนมา ภายใต้กิจการร่วมค้า เมก้า เอ็มเอสเอ็น คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 เพื่อผลิตยารักษาโรคใหม่ และจะเริ่มผลิตเพื่อจำหน่ายได้ในปี 2565-2566 รวมทั้งลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเปิดสำนักงานและศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมา เพื่อสนับสนุนธุรกิจโลจิสติกส์และการบริการกระจายสินค้า ซึ่งมีผลให้การบริหารสินค้าคงคลังมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562

Product 02

นอกจากนี้ จะใช้งบลงทุนอีกประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อขยายโรงงานใหม่ที่บางปู ประเทศไทย ในพื้นที่ติดกับโรงงานปัจจุบันของบริษัท โดยจะประกอบไปด้วย ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) คลังเก็บสินค้า และโรงงานผลิตยาชนิดเหลว ซึ่งเป็นการเพิ่มประเภทใหม่สำหรับยาตามใบสั่งแพทย์และสมุนไพรสำหรับเด็กไว้ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ด้วยซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563

ด้านความคืบหน้าในการดำเนินงานของบริษัท เมก้า มาลี จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่างเมก้าและบริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขณะนี้ได้มีผลิตภัณฑ์แบรนด์ DR.DRINK ออกสู่ตลาดแล้ว 2 รายการ ได้แก่ AK-TIV และ D-GEST เครื่องดื่มทั้ง 2 รายการดังกล่าวผลิตจากส่วนผสมจากพืช 100% และปราศจากสารเคมี

สำหรับปี 2553 – 2561 บริษัทมีอัตราการเติบโตด้านรายได้เฉลี่ยปีละ 12% โดยเฉพาะในประเทศไทย เมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวางเป้าหมายเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการเดินหน้าทำตลาดและลงทุนต่อเนื่อง

Baby Food

ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าซื้อกิจการบริษัท ไบโอ-ไลฟ์ มาร์เก็ตติ้ง เอสดีเอ็น บีเอชดี หนึ่งในบริษัทอาหารเสริมสุขภาพชั้นนำของประเทศมาเลเซีย และได้สิทธิความเป็นเจ้าของในผลิตภัณฑ์ยาของบริษัท แซนดอส จีเอ็มบีเอช (Sandoz GmbH) ในประเทศเมียนมาและประเทศเอธิโอเปีย ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเติบโตในระดับภูมิภาคของเมก้าที่ชัดเจน และวางเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 2 เท่าตามเป้าหมายภายในปี 2568

“การดำเนินธุรกิจของเมก้ามีจุดมุ่งหมายมากกว่าการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ได้มาตรฐานระดับโลก ในราคาที่ไม่แพง เพื่อช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี รวมทั้งมองการส่งเสริมสุขภาพในแต่ละช่วงวัย เราจึงมีเบบี้ เนเชอร่า อาหารเด็กออแกนิก ศูนย์เวลเนส วี แคร์ที่กำลังเติบโตกลายเป็นแหล่งความรู้ในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพด้วย”นายวิเวกกล่าว

Avatar photo