Business

การเมืองกระทบชิ่งอีเว้นท์โตต่ำ ‘เกรียงไกร กาญจนะโภคิน’ กระทุ้งสินค้าใช้เงินทำตลาด

ผ่านพ้น 5 เดือนแรกของปี 2562 กับภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นผลมาจากการเมืองที่จนถึงปัจจุบันยังจัดตั้งรัฐบาลไม่แล้วเสร็จ ทำให้กระทบถึงภาคธุรกิจอย่างยากจะหลีกเลี่ยง ซึ่งหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองคือ ธุรกิจอีเว้นท์ ที่ ณ วันนี้มีมูลค่าตลาดรวม 13,000 – 14,000 ล้านบาท

เกรียงไกร กาญจนะโภคิน

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำตลาดอีเว้นท์เมืองไทย เปิดเผยว่า ปกติแล้วการเติบโตของธุรกิจอีเว้นท์ในประเทศไทย จะไปอยู่ที่ช่วงไตรมาสที่ 1 และ ไตรมาสที่ 4 เป็นหลัก เมื่อตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ การเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ทำให้กระทบต่อธุรกิจอีเว้นท์ที่ชะลอตัวลงไปอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าจะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์ทั้งปีเติบโตได้เพียง 5% จากปกติที่มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%

ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่ในส่วนของภาคธุรกิจยังคงชะลอการใช้เงิน เนื่องจากยังไม่แน่ใจในสเถียรภาพของรัฐบาล ที่เรียกได้ว่าเป็นรัฐบาลปริ่มน้ำ ทำให้เกิดภาวะชะงักงัน หรือ Wait and See อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของรัฐบาลใหม่แล้ว ยังมีสัญญานบวกจากการที่ทุกพรรคต้องเร่งทำตามนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งจะทำให้เกิดการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากรัฐบาลอยู่ได้ไม่นาน และมีการเลือกตั้งใหม่ จะทำให้ภาวะชะงักงันลากยาวออกไปอีก

เกรียงไกร

ดังนั้น ในภาวะเช่นนี้ การปรับตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีมาใช้ และการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งผู้ประกอบการหรือเจ้าของสินค้าควรทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ใช้ช่องทางออนไลน์ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศที่สามารถทำได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์

ในส่วนของอินเด็กซ์ฯ ปีนี้ คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นจาก 1,600 ล้านบาทในปี 2561 เป็น 1,800 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากมีงานใหญ่หลายงาน เช่น ไทยแลนด์ พาวิลเลียน หรือ อาคารแสดงประเทศไทย ในงาน เวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ที่ดูไบ ซึ่งใช้งบประมาณ 889 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2561 ที่ผ่านมา พบว่า มีรายได้รวม 1,602 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส 1,401 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 88% กลุ่มครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเมนท์ มีรายได้ 115 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7% และ กลุ่มโอน-โปรเจค สร้างรายได้ 86 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5%

Avatar photo