นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คนที่ 13 กล่าวในงานแถลงวิสัยทัศน์ภายหลังการรับตำแหน่งว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของตลาดหุ้นไทยมีโอกาสจะเทียบเท่าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ได้ภายในปี 2566 เนื่องจากอัตราการเติบโตของดัชนีหุ้นไทยเฉลี่ยปีละ 10% และมีการระดมทุนจากหุ้น IPO ปีละ 40 บริษัท และการระดมทุนผ่านตลาดรองปีละ 250,000 ล้านบาท ซึ่งจากสถิติในช่วง 5 ปีก่อน มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นสิงคโปร์อยู่ที่ 700,000 ล้านดอลลาร์ และตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 350,000 ล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันมาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นสิงคโปร์อยู่ที่ 850,000 ล้านดอลลาร์และตลาดไทยอยู่ที่ 550,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งสะท้อนอัตราการเติบโตที่สูงกว่า
สำหรับนโยบายการดำเนินงานของ ตลท. หลังจากนี้ยังอยู่ในทิศทางเดิม เพราะนโยบายเก่าสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้น โดยในการประชุมคณะกรรมการในเดือนนี้ จะสรรหาบุคลากรที่เหมาะสมเข้ามาดำรงตำแหน่งที่ว่างอยู่ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา โครงสร้างองค์กรต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของตลท. รวมถึงจะปรับบุคลากรที่เคยทำงานแบบเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ตลท. จะเน้นย้ำแก้ปัญหาการใช้ข้อมูลภายใน หรือ อินไซด์เดอร์ ในการซื้อขายหุ้น ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล และจะส่งเสริมให้มีการเปิดเผยข้อมูลโปร่งใสให้มากขึ้น เพื่อนักลงทุนรายย่อยได้เข้าถึงข้อมูลอย่างทั่วถึง มีการวิเคราะห์ข้อมูลและใช้เครื่องมือประกอบการตัดสินใจลงทุน” นายภากร กล่าว
