The Bangkok Insight

รัฐ-เอกชน ผนึกกำลังหนุน ‘กรีน บิวดิ้ง’ ไม่ใช่แค่เพื่อสิ่งแวดล้อม แต่ต้องสร้างความยั่งยืน

ภาวะโลกร้อนและมลภาวะต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป ตระหนักว่า ควรมีการรณรงค์และ “ลงมือ” รักษาสิ่งแวดล้อมกันอย่างจริงจัง เห็นได้จากแคมเปญงดให้บริการถุงพลาสติกของห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ไปจนถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายที่หันมาให้ความสำคัญจนนำไปสู่การพัฒนาและออกแบบโครงการที่มีจุดเด่นเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมไปถึงภาครัฐที่ให้การสนับสนุนเรื่องโซลาร์ภาคประชาชน หรือล่าสุดการเก็บค่าบำบัดน้ำเสียของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อเป็นต้นทุนในการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียเพิ่มที่จะเริ่มในปีนี้

กรีน บิวดิ้ง1

 

ผลสำรวจจากเอสซีบี อีไอซี พบว่า เทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคของคนเจนเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์และมิลเลนเนียลให้ความสนใจเรื่องที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อลดการพึ่งพาทรัพยากรไฟฟ้าและน้ำในการอยู่อาศัย จากกระแสการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลก

ขณะที่แนวคิดการออกแบบที่อยู่อาศัยให้เกิดการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่กำลังนิยมในขณะนี้ คือออกแบบอาคารให้เปิดโล่ง เพื่อให้แสงจากธรรมชาติส่องถึงพื้นที่ต่าง ๆ ภายในโครงการ ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ รวมถึงใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น คอนกรีตที่ผลิตจากขี้เถ้าหรือคอนกรีตที่เหลือใช้ ใช้กระจกแบบ Low-emissivity (Low-E) เพื่อป้องกันอากาศร้อนจากภายนอกเข้ามาภายในอาคาร เป็นต้น

ขณะเดียวกัน อาคารมาตรฐานโลกส่วนใหญ่ต้องได้รับมาตรฐานว่าเป็น Green Building หรืออาคารอนุรักษ์พลังงานที่สะท้อนถึงความใส่ใจ รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของผู้พัฒนาโครงการ ทั้งตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งประกอบด้วยมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ที่ใช้ประเมินความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของอาคารในทั่วโลก และ WELL Building Standard ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคารที่ได้การยอมรับในระดับสากล

ทั้งนี้พบว่า กว่า 80% ของ อาคารอนุรักษ์พลังงานเหล่านี้ เป็นอสังหาฯ ในรูปแบบอาคารสำนักงาน สัดส่วน 40% และร้านค้า 40% โดยมีค่าเช่าสำนักงานที่สูงกว่าอาคารทั่วไป 20-25% การได้รับพื้นที่ก่อสร้างรวมของอาคารเพิ่มขึ้น 5-20% จากค่า FAR Bonus (Floor Area Ration-พื้นที่อาคารต่อที่ดิน) ที่ระบุในกฎหมายผังเมืองว่าให้ส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการให้ใช้ประโยชน์ที่ดินได้มากขึ้นในกรณีที่มีการสร้างอาคารอนุรักษ์พลังงาน

INFO FAQjune3 01

 

ในส่วนของอสังหาฯ ประเภทที่พักอาศัย มีหลายโครงการที่พัฒนาเพื่อรองรับอาคารรูปแบบนี้ เช่น โครงการบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมของเสนาดีเวลลอปเมนท์ ที่่ได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป หลอดไฟแอลอีดี และสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือสถานีชาร์จอีวี เพื่อบริการให้กับลูกบ้าน อาทิ นิช โมโน สุขุมวิท 50 และโครงการอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 12 โครงการ รวมถึง แสนสิริ ที่ชูแนวคิด “Sansiri Green Mission” , เอพี (ไทยแลนด์) ประกาศวิสัยทัศน์ “เอพี เวิลด์” เริ่มจากโครงการนำร่อง ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท และ พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จับมือพันธมิตรจากญี่ปุ่นและ ปตท. ออกแบบที่พักอาศัยให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ทางภาครัฐเองก็เริ่มมีการสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น โครงการ “โซลาร์ภาคประชาชน” ของกระทรวงพลังงาน ที่สนับสนุนให้ประชาชนภาคครัวเรือนได้ผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์รูฟท็อปเพื่อนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้เอง และนำส่วนเกินที่เหลือจากการใช้ ไปขายต่อให้กับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย โดยมีกำลังผลิตติดตั้งครัวเรือนละไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ (kWp) กำหนดอัตราราคารับซื้อไฟฟ้าที่ 1.68 บาทต่อหน่วย โดยมีระยะเวลารับซื้อไฟฟ้ารวม 10 ปี ซึ่งจะส่งผลให้ราคาแผ่นโซลาร์เซลส์และการติดตั้งมีมูลค่าถูกลงและเพิ่มการใช้งานให้มากขึ้นในกลุ่มประชาชนทั่วไป

ขณะที่ สถาบันการเงินอย่าง ธนาคารกสิกรไทย ก็ให้การสนับสนุนสินเชื่อรับประกันการประหยัดพลังงาน (Solar Rooftop) แก่ผู้ประกอบการ เพื่อลดต้นทุนธุรกิจเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าให้รัฐบาลเสริมสภาพคล่องของสถานะการเงินและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

green building

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันผู้บริโภคจะมีความต้องการที่พักอาศัยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่เมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่แล้ว ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก โดยส่วนมากยังมุ่งไปที่ “ความคุ้มค่า” ของการลงทุนเป็นหลัก ว่าจะส่งผลดีกับตนเองอย่างไรบ้าง แต่ไม่ได้มองไกลไปถึงว่าจะช่วยสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างไร

นับว่าเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการอสังหาฯ และภาครัฐที่จะต้องช่วยกันผลักดันให้คนส่วนใหญ่มองเห็นถึงประโยชน์ของการปรับตัว เพื่อให้ตระหนักว่าการทำเพื่อส่วนรวมนั้นส่งผลด้านบวกกลับมาที่ตัวเองอย่างไรบ้าง โดยที่อยู่อาศัยที่โฟกัสเรื่อง “Green” ไม่ได้เน้นแค่สิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่มอบ “ความยั่งยืน” ให้กับผู้พักอาศัยถึง 3 มิติด้วยกันคือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว จากการใช้พลังงานทดแทน และการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการจัดการของเสียโดยการนำกลับมาใช้ใหม่

Avatar photo