Economics

นายกฯคาดเศรษฐกิจปี 62 ขยายตัว 3.9-4.9%

12835 11

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ชี้แจงหลักการและเหตุผลของ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัว 4.2 – 4.7% ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัว 3.3% ในปี 2559 และ 3.9% ในปี 2560 สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปี 2561 อยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าการปรับตัวดีขึ้นของการใช้จ่ายภายในประเทศและการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 0.7 – 1.7% ในขณะที่ ดุลบัญชีเดินสะพัด คาดว่าจะเกินดุล 8.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 3.9 – 4.9% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งในด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนภาคเอกชนที่มีการขยายตัวสูงขึ้น รวมทั้งความคืบหน้าของโครงการลงทุนภาครัฐที่เข้าสู่ขั้นตอนของการก่อสร้าง ในขณะที่การส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวยังมีการขยายตัวดีตามแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปี 2562 ยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 0.9 – 1.9% ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณ 6.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 รัฐบาลประมาณการว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิทั้งสิ้นจำนวน 2,673,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากปีก่อน เมื่อหักการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอน การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 123,000 ล้านบาท คงเหลือเป็นรายได้สุทธิที่สามารถนำมาจัดสรรเป็นรายจ่ายของรัฐบาล จำนวน 2,550,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ที่คณะรัฐมนตรีได้นำเสนอต่อสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ในวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,000,000 ล้านบาท เป็นการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล โดยกำหนดรายได้สุทธิ จำนวน 2,550,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 450,000 ล้านบาท

ปัจจุบันฐานะเงินคงคลัง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 317,166 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และบริหารรายรับและรายจ่ายของรัฐให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2561 มีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนและต่อเนื่องมากขึ้น จากแรงขับเคลื่อนของภาคส่งออกที่ขยายตัวดีและการใช้จ่ายภายในประเทศที่ปรับดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับต่ำ แต่มีทิศทางปรับสูงขึ้นตามการขยายตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงินจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ในการประชุม 2 ครั้งแรกของปี 2561 เพื่อรักษาภาวะการเงินให้อยู่ในระดับผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินของประเทศ

สำหรับฐานะการเงินด้านต่างประเทศของไทยในปัจจุบัน อยู่ในเกณฑ์ดี มูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 มีจำนวน 215,152.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นประมาณ 3.6 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK