กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) “คริสติน ลาการ์ด” เตือน การที่มีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่ใช้บิ๊กดาต้า และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)เพิ่มมากขึ้น อาจทำให้ระบบการเงินโลกเกิดภาวะชะงักงันครั้งใหญ่ได้
การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีด้านการเงิน (ฟินเทค) ทำให้ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ในประเทศกำลังพัฒนา ที่ขาดแคลนเครือข่ายธนาคารแบบดั้งเดิม สามารถเข้าถึงระบบการจ่าย และชำระเงินที่มีค่าใช้จ่ายน้อยได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นในเรื่องที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในด้านการชำระเงินผ่านทางมือถือ สถานการณ์ที่อาจทำให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายทั่วโลก ต้องทบทวนเกี่ยวกับวิธีที่ใช้ในการควบคุมระบบธนาคาร และรับประกันว่า การชำระเงินจะเป็นไปอย่างปลอดภัย
“มีแนวโน้มที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ จะทำให้เกิดภาวะชะงักงันในภูมิทัศน์การเงิน เพราะบริษัทเหล่านี้ จะใช้ฐานข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่จำนวนมหาศาล และเงินทุนที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก มานำเสนอผลิตภัณฑ์การเงิน ที่มีพื้นฐานอยู่บนบิ๊กดาต้า และเอไอ” นางลาการ์ด ระบุ
กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ ระบุด้วยว่า แม้นวัตกรรมดังกล่าวอาจช่วยทำให้ตลาดการเงินมีความทันสมัยขึ้น แต่ก็อาจทำให้ตลาดมีความเปราะบางด้วยเช่นกัน อาทิ ทำให้ระบบจ่าย และชำระเงินอยู่ภายใต้การควบคุมของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีเพียงไม่กี่รายเท่านั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความท้าทายที่มีลักษณะเฉพาะต่อเสถียรภาพ และประสิทธิภาพทางการเงิน
