Business

‘ลักชัวรีเอาท์เล็ต’กลยุทธ์บุกค้าปลีกตจว.‘สยามพิวรรธน์’

หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศและสร้างศูนย์การค้าระดับสากลแห่งแรกของประเทศมากว่า 40 ปี “สยามพิวรรธน์”  ปัจจุบันเป็นเจ้าของและผู้บริหารโครงการค้าปลีกระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ ไอคอนสยาม ที่เตรียมเปิดตัวปลายปีนี้

ล่าสุด สยามพิวรรธน์ ประกาศลงทุนค้าปลีกรูปแบบใหม่ “ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต”

สยามพิวรรธน์ ไซม่อน
ชฎาทิพ จูตระกูล – มาร์ค ซิลเวสทรี

ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สยามพิวรรธน์ กรุ๊ป กล่าวว่าการลงทุน “ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต” อยู่ภายใต้การร่วมทุนกับ ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป สหรัฐ ซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลกจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อยู่ใน S&P 100 มีโครงการค้าปลีกมากกว่า 230 โครงการ ใน 12 ประเทศทั่วโลก มีความเชี่ยวชาญการทำธุรกิจใน 4 ทวีปของโลก มีพื้นที่ค้าปลีกรวมกันมากกว่า 10 เท่าของค้าปลีกไทย

ไซม่อน เป็นเจ้าของพรีเมียม เอาท์เล็ต  96 แห่งทั่วโลก ในจำนวนนี้ 15 แห่งอยู่ในเอเชีย ซึ่ง ได้แก่ 9 แห่งในญี่ปุ่น 4 แห่ง ในเกาหลี และ 2 แห่งในมาเลเซีย  สำหรับพรีเมียม เอาท์เล็ต ที่มีชื่อเสียง เช่น วู้ดเบอรี คอมมอน ที่นิวยอร์ก , เดซเซิร์ท ฮิลล์ ลอสแอนเจลิส  ในเอเชีย  เช่น โกเท็มบะ ในญี่ปุ่น ,ยอจู ในเกาหลี ,ยะโฮร์ ในมาเลเซีย

เอาท์เล็ต ไซม่อน สยามพิวรรธน์
GENTING HIGHLANDS MALAYSIA

การเซ็นสัญญาร่วมทุนของ สยามพิวรรธน์กับ“ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป” เพื่อดำเนินธุรกิจร่วมกันในประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นธุรกิจแรกของไซม่อน ในไทย ที่เชื่อมั่นศักยภาพการเติบโตเศรษฐกิจและธุรกิจค้าปลีกไทย และเป็นการพลิกโฉมวงการค้าปลีกของประเทศไทย

การร่วมทุนของสยามพิวรรธน์และไซม่อน ได้จัดตั้ง บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ทุนจดทะเบียน 130 ล้านบาท ถือหุ้นสัดส่วนใกล้เคียงกัน

สยามพิวรรธน์ จะทำงานร่วมกับ ไซม่อน เพื่อพัฒนาค้าปลีกรูปแบบใหม่สู่ประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และความน่าดึงดูดใจให้ประเทศไทยในฐานะ “จุดหมาย ปลายทาง” ที่คนทั้งโลกต้องการเดินทางมาเยี่ยมเยือน และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

เริ่มแนวคิด “ลักชัวรี เอาท์เล็ต” 20ปีก่อน

แนวคิดการทำ “ลักชัวรี เอาท์เล็ต มอลล์” ของสยามพิวรรธน์เกิดขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 20 ปีก่อน  ชฎาทิพ  เล่าว่า “คุณพ่อ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสยามพิวรรธน์  ได้พาไปเที่ยวที่ วู้ดเบอรี เอาท์เล็ต นิวยอร์ก เมื่อ 20 ปีก่อน วันนั้นคุณพ่อบอกว่า สักวันหนึ่งเราจะต้องทำธุรกิจนี้ (ลักชัวรี เอาท์เล็ต) ในประเทศไทย เพราะเป็นธุรกิจที่จะต่อยอดให้สยามพิวรรธน์ กรุ๊ป สามารถทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกได้อย่างครบวงจร”

เอาท์เล็ต
WOODBURY COMMON NEW YORK

หลังจาก 20 ปีผ่านมา ความคิดที่จะทำ “เอาท์เล็ต” เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วง 3 ปีก่อน เพราะเห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อม จากฐานประชากรเกือบ 70 ล้านคน รวมทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยเพิ่มขึ้นปีละ 15-20%  ปีที่ผ่านมามีจำนวนกว่า 35 ล้านคน

อีกทั้งเห็นว่าการทำธุรกิจ “ลักชัวรี เอาท์เล็ต มอลล์” ได้เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ในเอเชีย ตลอดช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ค้าปลีกรูปแบบเอาท์เล็ต ที่แบรนด์ต่างๆ ได้จัดทำขึ้นขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา  ทำให้ สยามพิวรรธน์ ได้บรรจุแผนการพัฒนา “ลักชัวรี เอาท์ มอลล์” ไว้ในแผน 5 ปีของบริษัท โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เกิดขึ้นให้ได้ ในปี 2562

“เราเห็นว่าการทำธุรกิจลักชัวรี เอาท์เล็ต มอลล์  ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และเป็นธุรกิจเฉพาะ ไม่ใช่ว่าใครก็ตามจะก้าวเข้ามาทำได้ การเริ่มต้นมีแนวความคิดที่รอบคอบและประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญ รวมทั้ง Connection กับลักชัวรี แบรนด์ ทั่วโลก  สยามพิวรรธน์ จึงเลือกที่จะขอเป็น พาร์ทเนอร์ กับ ไซม่อน ที่เรามีความเชื่อมั่นว่า สามารถทำธุรกิจลักชัวรี เอาท์เล็ต มอลล์ ได้ที่สุดและเป็นที่หนึ่งโลก โดยเริ่มเจรจาร่วมทุนธุรกิจกับไซม่อนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา”

จากความเชี่ยวชาญของไซม่อน เชื่อว่าจะทำธุรกิจลักชัวรี เอาท์เล็ต มอลล์ ในไทยให้ประสบความสำเร็จแน่นอน!! เพราะ สยามพิวรรธน์ ไม่ได้ลงทุนใหม่ตลอดเวลาหรือเปิดศูนย์การค้าปีละ 1 แห่งทั่วประเทศ  แต่ทุกโครงการที่สยามพิวรรธน์ลงทุน คือโครงการระดับ World Class ที่จะมีพันธมิตรระดับโลกมาทำงานร่วมกัน

เราจะทำโครงการดีที่สุด ไม่เป็นสองรองใคร นั่นคือสิ่งที่ สยามพิวรรธน์ ยึดถือและทำมาตลอด

 ปั้น 3 โครงการ ลงทุน “หมื่นล้าน”

ชฎาทิพ กล่าวว่าได้ติดต่อกับไซม่อน 1 ปี เพื่อร่วมทุนทำธุรกิจ ลักชัวรี เอาท์เล็ต  และไซม่อน เองเห็นว่า ประเทศไทยมีความพร้อมแล้ว และธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทยเติบโตอย่างมั่นคงมาเป็นลำดับ และไซม่อน มีวิสัยทัศน์เดียวกับสยามพิวรรธน์

สยามพิวรรธน์
ชฎาทิพ จูตระกูล

“ถ้าเราจะทำโครงการ ต้องเป็นโครงการที่ดีที่สุด ยิ่งใหญ่ ไม่ลอกเลียนแบบ  เป็นโครงการตัวจริง เสียงจริง ที่จะทำให้ผู้ประกอบการอยู่กับโครงการด้วยความเชื่อมั่นในความสำเร็จที่ทั้งสยามพิวรรธน์และไซม่อน ได้ลงทุนมาแล้วในช่วงกว่า 40 ปีที่ผ่านมา”

ไซม่อน เข้ามาร่วมทุนกับสยามพิวรรธน์ ไม่ใช่เพียงการให้คำปรึกษาโครงการ ถือเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย ที่ภาคเอกชนไทยเองไม่หยุดนิ่งในการลงทุน และสามารถดึงกลุ่มทุนระดับโลก ที่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยและเข้ามาลงทุนขยายธุรกิจ เพื่อความสำเร็จในระยะยาว

“ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต” โครงการแรกของ “สยามพิวรรธน์ ไซม่อน” อยู่ในกรุงเทพฯ โซนตะวันออก บนพื้นที่ 150 ไร่ โดยจะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม  2562   และวางแผนเปิด ลักชัวรี เอาท์เล็ต 3 แห่ง คือ กรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคใต้ ในช่วง 3 ปีนี้ ใช้งบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท  ซึ่งจะเป็นรูปแบบค้าปลีกที่ผู้มาเยี่ยมเยือนสามารถจับจ่ายสินค้าลักชัวรี แบรนด์เนมจากทั่วโลก และของไทย ที่เสนอส่วนลด 25-70% ทุกวัน

“ลักชัวรี เอาท์เล็ต”จิ๊กซอว์บุกค้าปลีกตจว.

ภายใต้แผนลงทุน ลักชัวรี เอาท์เล็ต จะสนับสนุนธุรกิจของสยามพิวรรธน์ ขยายธุรกิจในเครือไปสู่ “ต่างจังหวัด” ทั่วประเทศไทยได้ เพราะรูปแบบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อค้าปลีกได้อย่างลงตัว

การพัฒนาศูนย์การค้าในช่วงกว่า 40 ปี ของสยามพิวรรธน์ เป็นการลงทุนในกรุงเทพฯ ทั้งหมด เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่  แต่ละโครงการเป็นการนำเสนอแนวความคิดที่ล้ำสมัย สร้างสิ่งที่เป็นต้นแบบ (prototype) ใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการค้าปลีก ที่ไม่เหมือนใคร และมีรูปแบบในการพัฒนาโครงการที่โดดเด่น แต่รูปแบบดังกล่าวอาจไม่เอื้ออำนวยให้สามารถขยายได้ทั่วประเทศไทย

ดังนั้นการทำธุรกิจลักชัวรี เอาท์เล็ต มอลล์  จะตอบสนองกลยุทธ์ที่จะทำให้ สยามพิวรรธน์มีความพร้อมแล้วสามารถขยายธุรกิจในต่างจังหวัด!!

“เราจะสร้าง ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต ที่น่าตื่นเต้นและดีที่สุดมากกว่าที่ใดในโลก สอดคล้องกับความแข็งแกร่งของสยามพิวรรธน์และไซม่อน ที่ทั้งคู่เป็นผู้นำความคิดและนวัตกรรมสร้างสรรค์ในวงการค้าปลีก และนำเสนอโครงการที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร”

เอาท์เล็ต โกเท็มบะ
GOTEMBA TOKYO

ชูโมเดล”สร้างเมืองแห่งอนาคต”

โครงการลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต ที่จะเปิดในเดือนตุลาคม ปี 2562 แตกต่างจากเอาท์เล็ตทั่วไป เพราะเป็นโครงการสร้างเมือง เพราะไม่ได้มีองค์ประกอบของเอาท์เล็ต ที่เป็นแม่เหล็กเท่านั้น แต่จะเป็นเมืองที่เป็นตัวแทนของรูปแบบใหม่ในการพัฒนาโครงการในยุคมิลเลนเนียลส์ ที่จะตอบสนองคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากทั่วโลก

การพัฒนาโครงการภายใต้คอนเซปต์ “โอเอซิส” จะสะท้อนให้เห็นการนำเสนอความเจริญอย่างยั่งยืน โดยจะมีพันธมิตรมาร่วมโครงการอีกหลายราย ที่จะมาสร้างเมืองตัวอย่างของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

โดยจะมีองค์ประกอบของการจับจ่ายใช้สอยอื่นๆ ทั้งศูนย์อาหาร ร้านอาหาร ศูนย์การเรียนรู้ ที่จะทำให้คนไทยสามารถเรียนรู้การใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์โลก

ดังนั้นไม่เพียงแต่ สยามพิวรรธน์และไซม่อน ที่จะสร้างเมือง “ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต” แต่ยังมีพันธมิตรอีกหลายรายที่จะเข้ามาทำงานร่วมกัน สร้างเมืองแห่งอนาคต!!

เอาท์เล็ต ไซม่อน สยามพิวรรธน์
SIHEUNG KOREA

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มแรกคือคนไทย ที่อาศัยอยู่ในทำเลที่ตั้งโครงการซึ่งมีจำนวนมาก ขณะเดียวกันจะเป็นเมืองตัวอย่างที่ทำให้คนทั้งโลกได้มาชื่นชม ช้อปปิ้ง และเรียนรู้ ด้านองค์ความรู้ต่างๆ ที่จะจัดทำขึ้นในพื้นที่

“คอนเซปต์การสร้างเมืองอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่จะพัฒนาในประเทศไทยและเป็นครั้งแรกของโลก ในการพัฒนาลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต ของไซม่อน ด้วยคอนเซปต์นี้  ซึ่งเป็นการหลีกหนีเอาท์เล็ตรูปแบบหมู่บ้านทั่วไป”

สยามพิวรรธน์ จะสร้างเมือง ที่พร้อมตอนรับผู้มาเยือน ที่เปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์เข้าสู่ยุคใหม่ ที่ต้องตอบโจทย์ ชุมชนและสังคม เชื่อว่าโครงการ ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต ของสยามพิวรรธน์ ไซม่อน จะเป็นโครงการที่ช่วยเชิดชูประเทศไทยให้เด่นชัดในเวทีค้าปลีกโลก ที่มั่นใจว่าทำได้และไม่เป็นที่สองรองใคร!

สยามพิวรรธน์ร่วมทุนยักษ์ค้าปลีกสหรัฐลงทุน‘ลักชัวรี เอาท์เล็ต’หมื่นล้าน

Avatar photo