นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาโครงการครัวการบิน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กับบริษัทครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (BAC) และร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาโครงการครัวการบินระหว่างทอท. กับบริษัท แอลเอสจี สกายเชฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (LSG)
ปัจจุบัน ทอท. มีคู่สัญญาให้บริการครัวการบิน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 3 ราย ได้แก่ BAC ,แอลเอสจี และ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)) สำหรับ BAC ได้แจ้งความประสงค์ขอเป็นผู้ให้บริการครัวการบิน แก่สายการบินที่เป็นลูกค้าของตนเอง ที่ท่าอากาศยานแห่งอื่น เช่น ท่าอากาศยานหัวหิน ท่าอากาศยานอู่ตะเภา เป็นต้น
ทั้งนี้เนื่องจากท่าอากาศยานดังกล่าวไม่มีผู้ให้บริการครัวการบินที่ได้มาตรฐาน เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมการบินของประเทศ ในส่วนแอลเอสจี ได้แจ้งความประสงค์ขอให้บริการครัวการบิน แก่สายการบินลูกค้าประเภทเช่าเหมาลำ ที่เปิดให้บริการที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา การให้บริการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ โดย BAC มีกำลังการผลิตที่เหลือ 7,467 มื้อต่อวัน หรือ 21% และ แอลเอสจี มีกำลังการผลิตที่เหลือ 12,624 มื้อต่อวัน หรือ 50.5%
โดยทอท. จะมีรายได้จาก ผลประโยชน์ตอบแทนจากการใช้พื้นที่โครงการครัวการบิน เป็นฐานการผลิตเพื่อให้บริการครัวการบินแก่สายการบินที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานแห่งอื่น ในอัตรา 12% ของยอดรายได้ ที่ได้รับจากการให้บริการในแต่ละเดือน และการดำเนินการดังกล่าวจะสนับสนุนให้ท่าอากาศยานอู่ตะเภา มีศักยภาพเป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ได้อย่างสมบูรณ์
