หลังจากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้นไปแล้ว ผลปรากฎพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเลือกถึง 500 คะแนน ภารกิจต่อไปของรัฐบาลคือการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งมาจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่าสถานการณ์ขณะนี้กลับมีปัญหาขัดแย้งหนัก ถึงการจัดสรรโควตากระทรวงให้กับพรรคร่วมไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ซึ่งก่อนหน้าที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทางผู้จัดการรัฐบาลได้เสนอให้ 3 กระทรวงหลักคือ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอีก 4 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ
“ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐเป็นผู้เสนอให้ แลกกับการเข้าร่วมรัฐบาล แต่ข้อเสนอดังกล่าวยอมรับ ว่าคนในพรรคส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะยกกระทรวงเกรดเอ ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ไป เหมือนกับว่ากระทรวงเศรษฐกิจอยู่ในมือพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด แต่คนที่อาจจะเป็นรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจของพรรค กลับไม่มีกระทรวงเศรษฐกิจเหลือเลย การหารือตอนนั้นผู้ใหญ่ในพรรค แจ้งว่าให้เหตุผลว่าให้ผ่านพ้นไปก่อนให้มีการเลือกนายกฯก่อน แล้วค่อยคุยกันใหม่”
แหล่งข่าว กล่าวว่าผู้ใหญ่ในพรรคบางกลุ่มมองว่า การเสนอให้กระทรวงเกรดเอ กับพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว อาจจะเอาคืนได้ยาก เพราะเป็นกระทรวงที่พรรคประชาธิปัตย์เองก็ต้องการ ที่สำคัญเป็นกระทรวงที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้ง่าย หากมีการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประกอบกับตรงเป้าหมายที่พรรคประชาธิปัตยืต้องการเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจเอง
ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ มีการหารือกันถึงการจัดสรรโควตากระทรวงกันทุกวัน แต่ก็ไม่สามารถพูดคุยที่ลงตัวได้ เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่อยู่ในพรรค ประกอบกับพรรคที่เหลืออยู่แทบจะไม่ค่อยมีบทบาทอะไรเลย
แหล่งข่าว กล่าวว่าล่าสุดแกนนำของพรรคมีข้อเสนอให้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ให้ไปขอเจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอคืน กระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงเกษตรฯก็ได้ โดยจะยก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงศึกษาธิการ แลกคืน
“แกนนำของพรรคตกลงให้หัวหน้าและเลขาธิการพรรค ไปเจรจาใหม่ กับประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย เพื่อขอคืนกระทรวงเศรษฐกิจกลับมาบ้าง หากยังไม่สามารถตกลงได้ คงต้องยื้อการตั้งคณะรัฐมนตรีออกไปก่อน ไม่สามารถทำได้เร็วๆนี้แน่อน”แหล่งข่าว กล่าว
ข้อเสนอที่ ขอคืนกระทรวงพาณิชย์ แลกกับ 2 กระทรวงหลัก ทั้งกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่รับข้อเสนอ เพราะต้องการอยากได้กระทรวงพาณิชย์เพื่อดำเนินการในเรื่องของประกันรายได้ ตามนโยบายที่หาเสียงไว้
“คุยกันมาสักพักแล้วแต่ประชาธิปัตย์นิ่ง ไม่มีคำตอบอะไรมา เขาคงไม่ต้องการคืนกระทรวง หากประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยไม่ขยับที่จะคืนกระทรวงเศรษฐกิจกลับมา คงไม่สามารถนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีเสนอนายกรัฐมนตรีได้ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีก็จะยิ่งล่าช้า”แหล่งข่าว กล่าวและว่าส่วนการหารือในพรรคมีทุกวันแต่ก็ไม่ลงตัว
ในส่วนของโควตากระทรวงของพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องขอเจรจาใหม่เช่นกัน แม้ก่อนหน้านี้ได้มีการตกลงไปแล้วก็ตาม “กระทรวงที่เหลืออยู่แทบจะไม่มีอะไรเลย หากไม่สามารถเอาคืนมาได้ พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็จะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะต้องคอยเอาใจแต่พรรคร่วม”
ขณะที่แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันที่จะไม่คืนกระทรวงตามที่จัดสรรให้ไปแน่นอน การเจรจาได้จบสิ้นไปแล้ว ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เหลือเพียงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับผู้ที่มีความเหมาะกับโควตากระทรวงที่ได้รับมา เชื่อว่าแต่ละพรรคก็ต้องพิจารณาผู้ที่เหมาะสมเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีตามโควตาที่ได้รับ ดังนั้นเชื่อว่าแต่ละพรรคต้องพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว
อย่างไรก็ตาม การวางตัวรัฐมนตรีของแต่ละพรรค อาจจะต้องให้นายกรัฐมนตรีรับทราบด้วย แต่นายกรัฐมนตรีคงไม่สามารถจะเข้ามาเป็นผู้จัดการรัฐมนตรีพรรคอื่นได้ ยกเว้นพรรคพลังประชารัฐที่นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้ทุกรายชื่อว่าเห็นด้วยหรือไม่
“มีการเจรจาตกลงกันแล้ว โหวตเลือกนายกฯเสร็จแล้ว พอถึงตอนนี้จะมีขอเจรจาคืนกระทรวง เป็นเรื่องที่ผิดมารยาทมาก การไม่ลงตัวของพลังประชารัฐ ก็ต้องแก้ปัญหาเอง ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคร่วมที่ต้องช่วยจัดการ” แหล่งข่าว
