หลังจากเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศและสร้างศูนย์การค้าระดับสากลแห่งแรกของประเทศ มากว่า 40 ปี ปัจจุบัน สยามพิวรรธน์ เป็นเจ้าของและผู้บริหารโครงการค้าปลีกระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 5.4 หมื่นล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการใน 2561 ล่าสุดเปิดตัวค้าปลีกรูปแบบใหม่ร่วมกับพันธมิตรอันดับหนึ่งของโลก
ร่วมทุน “ไซม่อน”ปั้นลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต
ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สยามพิวรรธน์ กรุ๊ป กล่าวว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทเริ่มมองโอกาสการลงทุนธุรกิจค้าปลีกรูปแบบ “ลักชัวรี เอาท์เล็ต” ที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องทั่วโลก จากนั้นจึงมองหาพันธมิตรที่เป็นผู้นำในธุรกิจดังกล่าว โดยเข้าไปเจรจากับ ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป (SIMON PROPERTY GROUP) สหรัฐ ซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อยู่ใน S&P 100 โดยมีโครงการค้าปลีกมากกว่า 230 โครงการในพอร์ตโฟลิโอ ใน 12 ประเทศทั่วโลก โดยสยามพิวรรธน์ ใช้เวลาเจรจาเพื่อทำธุรกิจร่วมกัน 1 ปี
ล่าสุดได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ จัดตั้งบริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ทุนจดทะเบียน 130 ล้านบาท ถือหุ้นสัดส่วนใกล้เคียงกัน เพื่อร่วมกันพัฒนาค้าปลีก “ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต” ในประเทศไทย วางแผน 3-5 ปี ลงทุน 1 หมื่นล้านบาท เปิด 3 โครงการ ในกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคใต้ เพื่อเจาะกำลังซื้อคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยละกว่า 35 ล้านคน
สาขาแรกกรุงเทพฯ 150ไร่ เปิดต.ค.62
สำหรับ ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต โครงการแรก ในกรุงเทพฯ โซนตะวันออก บนที่ดิน 150 ไร่ มีพื้นที่เช่าประมาณ 5 หมื่นตารางเมตร โดยกรุงเทพฯ จังหวัดที่มีประชากรกว่า 14 ล้านคนใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เขตเมือง และถือเป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่การท่องเที่ยวของประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2562 โดย ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต แห่งแรกนี้จะประกอบไปด้วย ร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ทั้งแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ที่ไซม่อน มีพันธมิตรอยู่ทั่วโลก และแบรนด์ไทย
“คอนเซ็ปต์ของโครงการ จะเป็น พรีเมียม เอาท์เล็ต รูปแบบเมือง ไม่ใช่เพียงแต่หมู่บ้านเหมือนเอาท์เล็ตทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นโอเอซิส ที่ผสมผสานพื้นที่พักผ่อน การนัดสังสรรค์และกินดื่ม รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสาระและความบันเทิงต่างๆ เพื่อดึงคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาใช้บริการ”
แบรนด์เนมทุกวัน 25-70%
สินค้าแบรนด์เนมใน พรีเมียม เอาท์เล็ต จะให้ส่วนลด 25-70% ทุกวัน ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจากดีไซเนอร์ต่างๆ รองเท้า แอคเซสเซอรี่แฟชั่น ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง แบรนด์พิเศษ ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับแบรนด์ที่พบได้ในพรีเมียมเอาท์เล็ตปัจจุบันของไซม่อนในที่ต่างๆ ทั่วโลก
“การร่วมทุนกับไซม่อน เพื่อขยาย ลักชัวรี พรีเมียม เอาท์เล็ต ในครั้งนี้ ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของสยามพิวรรธน์ ในการขยายธุรกิจออกสู่ต่างจังหวัด ในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิมและสร้างโอกาสเติบโตในอนาคต”
ค้าปลีกไทยศักยภาพโตสูง
มาร์ค ซิลเวสทรี รองประธานบริหาร ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า ไซม่อน ดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี เป็นเจ้าของพรีเมียม เอาท์เล็ต 96 แห่งทั่วโลก ในจำนวนนี้ 15 แห่งอยู่ในเอเชีย ซึ่ง ได้แก่ 9 แห่งในญี่ปุ่น 4 แห่งในเกาหลี และ 2 แห่งในมาเลเซีย
สำหรับการร่วมทุนกับสยามพิวรรธน์ในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของไซม่อนที่เข้าสู่ประเทศไทย และเป็นประเทศที่ 4 ในเอเชีย โดยวางแผนที่จะสร้างลักชัวรี พรีเมียมเอาท์เล็ต 3 แห่งในประเทศไทย ในช่วง 3-5 ปีนี้ โดยอาศัยจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท ทำงานร่วมกัน
ตลาดค้าปลีกในไทยมีศักยภาพเติบโตสูง ทั้งจากกำลังซื้อในประเทศที่มีประชากรเกือบ 70 ล้านคน และนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละกว่า 35 ล้านคน
ปัจจุบัน “ไซม่อน” คือ หนึ่งในบริษัทผู้นำของโลก ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางทางด้านการช้อปปิ้ง กินดื่ม บันเทิง และมิกซ์ยูส และเป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ใน S&P 100 (SIMON PROPERTY GROUP, NYSE:SPG) มีโครงการอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย มีมูลค่ากิจการตามราคาตลาดรวม 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์และมีมูลค่าอสังหาฯ 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์
ธุรกิจพรีเมียม เอาท์เล็ต ระดับลักชัวรีทั่วโลก ทั้ง 96 แห่ง มีพื้นที่รวม 1.7 ล้านตารางเมตร มีแบรนด์เนมกว่า 3,000 แบรนด์ สร้างรายได้ปีละ 6 หมื่นล้านบาท มีผู้มาเยือนกว่า 2,000 ล้านคนต่อปี สำหรับพรีเมียม เอาท์เล็ต ที่มีชื่อเสียง เช่น วู้ดเบอรี คอมมอน ที่นิวยอร์ก , เดซเซิร์ท ฮิลล์ ลอสแอนเจลิส ในเอเชีย มี 15 แห่ง เช่น โกเท็มบะ ในญี่ปุ่น ,ยอจู ในเกาหลี ,ยะโฮร์ ในมาเลเซีย
‘ลักชัวรีเอาท์เล็ต’กลยุทธ์บุกค้าปลีกตจว.‘สยามพิวรรธน์’