ถือเป็นข่าวที่น่าจับตาในวงการอีคอมเมิร์ซ เมื่ออดีตผู้บริหารใหญ่ของลาซาด้า อย่าง นายไอโมเน ริพา ดิ มีอานา อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ ลาซาด้า กรุ๊ป ที่สิงคโปร์ และ นายอเล็กแซนดรอ บิสชินี อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ลาซาด้า ประเทศไทยและอินโดนีเซีย ผนึกกำลังกันบุกเบิกธุรกิจใหม่ ภายใต้ชื่อ CREA เพราะมีความสำเร็จจากลาซาด้าเป็นเครื่องการันตีฝีมืออยู่แล้ว
นายไอโมเน ริพา ดิ มีอานา และ นายอเล็กแซนดรอ บิสชินี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง CREA ได้วางเป้าหมายขยับจากการบริหารธุรกิจมาร์เก็ตเพลส มาสู่การเป็นผู้ช่วยธุรกิจในการสร้างแบรนด์ให้โลดแล่นในโลกการค้าออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเทรนด์การตลาดที่มาแรงในยุคดิจิทัล และอีคอมเมิร์ซมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ทำให้การสร้างแบรนด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแบรนด์ที่ต้องการอยู่รอด และยังเป็นการมองหาน่านน้ำสีครามที่ยังมีคู่แข่งน้อยกว่าธุรกิจมาร์เก็ตเพลสอีกด้วย
นายไอโมเน ริพา ดิ มีอานา เปิดเผยว่า CREA จะดำเนินธุรกิจที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าองค์กร หรือ บีทูบึ แบบครบวงจร โดยวางตำแหน่งให้เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการช่วยผลักดันแบรนด์ผ่านดิจิทัล คอมเมิร์ซ เพื่อนำพาแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มาแรงในขณะนี้คือ กลุ่มมิลเลนเนียล และเจเนอเรชั่น ซี ที่กำลังมีอิทธิพลอย่างมากในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการนำเสนอบริการแบบครบวงจรผ่านช่องทางต่างๆ บนโลกดิจิตอล เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ ลาซาด้า และ ช้อปปี้
“ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ค้าขายในระบบดิจิทัลคอมเมิร์ซ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากเลือกที่จะเปลี่ยนจากการค้าขายแบบดั้งเดิม ไปสู่ระบบโซเชียลคอมเมิร์ซและอีคอมเมิร์ซ อีกทั้งการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยยังมีแนวโน้มพุ่งสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568 CREA จึงตั้งเป้าหมายที่จะเกาะกระแสของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในโลกดิจิทัล โดยการให้บริการครบวงจร นำเสนอข้อมูลเชิงลึกและช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในวงการดิจิทัลคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง”นายมีอานากล่าว
นอกจากนี้ CREA ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันการเงินระดับโลก เช่น Angel Capital Management (ACM), Picus Capital และ Founders Fund Pathfinder ซึ่งฐานนักลงทุนดังกล่าวนี้เปิดโอกาสให้บริษัท CREA สามารถเข้าถึงแบรนด์ต่างๆ พันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และบุคลากรที่มีคุณภาพจากทั่วโลก เพื่อที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอให้กับแบรนด์และมอบคุณภาพการบริการในมาตรฐานระดับโลก
สิ่งที่จะทำให้ CREA ต่างและโดดเด่นจากบริการที่มีในตลาดปัจจุบัน คือ เชี่ยวชาญระดับลึกในทุกรายละเอียดทั้งประเภทสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการนำเสนอบริการที่ตรงจุดให้กับแบรนด์ ต่างจากคู่แข่งในตลาดเดียวกันที่มักเน้นไปที่การขนส่งและการใช้บริการภายนอก แทนที่จะเน้นไปทางอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
ทั้งนี้ ในปีแรกของการดำเนินธุรกิจ CREA จะโฟกัสอุตสาหกรรมความงามและเครื่องสำอางเป็นหลักในประเทศไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มมูลค่าสูงขึ้นถึงกว่า 165,000 ล้านบาท และเติบโตถึง 7.5% ต่อปี ทำให้ประเทศไทยจัดเป็นตลาดที่น่าดึงดูดที่สุดสำหรับแบรนด์สินค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้
ขณะที่ นายอเล็กแซนดรอ บิสชินี กล่าวเสริมว่า จุดเด่นของ CREA อยู่ที่ประสิทธิภาพที่มั่นคงและแข็งแกร่งในการนำเสนอบริการที่เจาะกลุ่มประเภทสินค้าและยึดความต้องการของผู้บริโภคเป็นหัวใจหลัก ทั้งยังเกาะกระแสตามเทรนด์ของโซเชียลมีเดียและดิจิทัลคอมเมิร์ซ เพราะเชื่อในการนำเสนอบริการให้กับแบรนด์เพื่อช่วยสานสัมพันธ์โดยตรงกับผู้บริโภค ผ่านเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง ซึ่งประกอบไปด้วยวิดีโอและการถ่ายทอดสด รวมถึงยกระดับการดำเนินงานร้านค้าโดยเพิ่มทราฟิกในการเข้าชมของผู้บริโภคให้มากที่สุดในแต่ละวัน
สำหรับการบริการของ CREA จะประกอบด้วย การวางกลยุทธ์และตำแหน่งแบรนด์บนดิจิทัลคอมเมิร์ซ, การดำเนินงานบนมาร์เกตเพลซ ของแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ตรงกับเป้าหมายจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, การนำเสนอโซลูชั่นบนโซเชียลคอมเมิร์ซ, บริการสร้างแบรนด์ และบริการเชิงสร้างสรรค์ให้เข้ากับตลาดในแต่ละท้องที่, บริการข้อมูลเชิงลึกจากสถิติ และการทำตลาดบนระบบดิจิทัล
