นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. เปิดเผยตัวเลขส่งออกเดือนเมษายน 2561 ว่า ขยายตัว 12.3% มูลค่า 18,946 ดอลลาร์ เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 20.4% มูลค่า 20,229 ดอลลาร์ เมื่อพิจารณาภาพรวมเดือนเมษายนไทยขาดดุลการค้า 1,283 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ สรท.ยังคงคาดการณ์มูลค่าการส่งออกปี 2561 เติบโตเท่ากับ 8% โดยยังคงสมมติฐานค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.5 บาทต่อดอลลาร์ มีปัจจัยบวกสำคัญจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากตลาดคู่ค้า ทั้งตลาดหลัก ตลาดรอง และตลาดศักยภาพ สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบแสดงถึงการลงทุนของภาคการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขันในอนาคต และดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกแตะระดับ 55.5 แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่มีต่อภาคส่งออกไทย ผ่านมุมมองของตัวเลขมูลค่าการส่งออก คำสั่งซื้อและสินค้าคงคลัง
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังมีข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ส่งผลให้ราคาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและราคาสินค้าเกษตรกรรมมีแนวโน้มปรับขึ้นตาม สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังจากทั้ง2 ประเทศบรรลุข้อตกลงในการที่จะไม่ใช้มาตรการด้านภาษีตอบโต้กันในการกีดกันการค้าและนโยบายผลักดันการพัฒนาธุรกิจ e-Commerce ของภาครัฐ เป็นการเพิ่มโอกาสและช่องทางการจำหน่ายสินค้า โดยรัฐบาลไทยมีความร่วมมือกับ Alibaba เพื่อเปิดตลาดผู้บริโภคจีนผ่านโครงการ Thai Flag Ship Store เน้นสินค้าเกษตรนำร่องข้าวและทุเรียน โดยล่าสุดมีนโยบายส่งเสริมการค้า e-Commerce ในการเจรจาระดับพหุภาคี (APEC Forum)
ส่วนประเด็นที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกไทย ประกอบด้วย ความผันผวนของค่าเงินบาท โดยค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากแรงเทขายเพื่อเก็งกำไรค่าเงินในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินบาทค่อนข้างทรงตัวและผันผวนในกรอบ 31.90-32.20 บาท/ดอลลาร์ และแม้ว่าสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐมีแนวโน้มคลี่คลายลง หากแต่ทั้ง 2 ต่างตกลงที่จะนำเข้าสินค้าจากฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น เพื่อเป็นการลดการขาดดุลทางการค้าเป็นผลกระทบทางอ้อมที่จีนหรือสหรัฐจะนำเข้าสินค้าจากไทยน้อยลงในฐานะห่วงโซ่อุปทาน และปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางและมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐ
