“ศิริ ” เปิดทางรมว.พลังงานคนใหม่รื้อแผนพีดีพี 2018 แต่ย้ำการเพิ่มสัดสวนพลังงานหมุนเวียนในแผนจำเป็นต้องทำ พร้อมชวนประชาชน สำรวจเทคโนโลยีโซลาร์รูฟท็อป เพื่อเข้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ย้ำค่าติดตั้งถูกลง การันตีคุ้ม พบสัปดาห์กว่าสมัครแล้ว 1,200 ครัวเรือน ด้านประชาชนสำรวจตลาดแผงโซลาร์คึกคัก
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในระหว่างเปิดงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2019 ว่า แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับใหม่ หรือ พีดีพี ฉบับ 2018 (ปี 2561-2580) ได้เริ่มเดินหน้าแล้ว โดยส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น
โดยแผนฉบับนี้มีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 67% กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 77,211 เมกะวัตต์ในปี 2580 หรือเพิ่มจาก 46,090 เมกะวัตต์ในปี 2560 เป็นกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ 56,431 เมกะวัตต์ สัดส่วนนี้เป็นพลังงานทดแทน 37% คิดเป็น 20,766 เมกะวัตต์ โดยมุ่งเน้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อาจทำให้แผนฉบับนี้ถูกรื้อได้ นายศิริ ย้ำว่า จะรื้อก็ได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายใหม่ แต่เห็นว่าพลังงานทดแทนไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเท่านั้น แต่เป็นเรื่องจำเป็นของไทย ของโลกในเวลานี้ และอนาคต
ในส่วนของการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน (โซลาร์รูฟท็อป) ที่ส่งเสริมให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เอง และขายคืนระบบได้ด้วย ที่ราคา 1.68 บาทต่อหน่วย ภายใต้ “โครงการโซลาร์ภาคประชาชน” นั้น จากการเปิดรับสมัครบ้านเรือนประชาชนให้เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่ 24 พฤษภาคม 2562 รวม 1 สัปดาห์เศษ
มีประชาชนสมัครเข้าร่วมโครงการถึง 1,200 ครัวเรือนแล้ว ประมาณ 8,400 กิโลวัตต์ คิดเป็นประมาณ 10% ของเป้าหมายปีนี้ ที่คาดว่าจะมีครัวเรือนสมัครเข้ามาประมาณ 15,000 ครัวเรือน โดยกำหนดให้มีกำลังผลิตติดตั้งครัวเรือนละไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ รวมแล้วปีละ 100 เมกะวัตต์ มีระยะเวลารับซื้อไฟฟ้ารวม 10 ปี กำลังผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์
“เราเปิดกว้างทุกครัวเรือนเข้ามาสมัครเข้าโครงการได้ และจำนวนที่เราเปิดรับก็ยังไม่เต็ม การที่โครงการบ้านจัดสรรจะเข้ามาสมัครก็สามารถทำได้ “
และจากการเดินสำรวจงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2019 พบว่าการพัฒนาโซลาร์เซลล์ก้าวหน้าไปมาก และราคาถูกลง มีมากกว่า 10 บริษัทที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ดังนั้นหากประชาชนที่ต้องการเข้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนควรเข้ามาติดตามเทคโนโลยี และเลือกใช้ เชื่อมั่นว่าคุ้มค่าแน่นอน เพราะไฟฟ้าที่ผลิตได้นอกจากใช้ภายในครัวเรือนแล้ว ยังขายคืนให้รัฐได้ด้วย ค่าติดตั้งเฉลี่ยต่อครัวเรือนประมาณ 3-4 แสนบาท
ในงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2019 ที่จัดขึ้นระหว่าง 5 – 8 มิถุนายน 2562 ที่ศูนย์นิทรรศการ และการประชุมไบเทค บางนา มีสินค้าพลังงานจาก 45 ประเทศมาออกบูธจำหน่ายสินค้า และเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ส่วนใหญ่เป็นเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) หลายรูปแบบ และโซลาร์เซลล์ทั้งแบบติดตั้งบนหลังคา และแบบทุ่นลอยน้ำ โดยมีประชาชนทั่วไปสนใจมาเดินสำรวจ และสอบถามจำนวนมาก เพื่อติดตั้งและเข้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชน