Politics

เพื่อรักษาเกียรติภูมิ! ‘อภิสิทธิ์’ ประกาศลาออกรับไม่ได้โหวต ‘บิ๊กตู่’

จากกรณีวันที่ 4 มิถุนายน มีการประชุม ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จำนวน 80 คน เพื่อขอมติว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ โดยที่ประชุมฯ ได้มีการลงมติโหวตลับชี้ขาด โดยฝ่ายที่เห็นว่าควรร่วม มีคะแนนนำ 61 เสียง และฝ่ายที่เห็นว่าไม่ควรร่วมมีจำนวน 16 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และบัตรเสีย 1 นั้น

ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงจุดยืนทางการเมือง โดยระบุว่า ก่อนการเลือกตั้ง ผมได้แสดงจุดยืนทางการเมืองไปยังประชาชนทั้งประเทศว่าไม่สนับสนุน ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายก การแสดงจุดยืนของผมในขณะนั้น เป็นการแสดงจุดยืนในฐานะพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนั้น แน่นอนว่า สอดคล้องกับจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ และสอดคล้องกับเป้าหมายที่พรรคเสนอต่อประชาชน ว่า ประชาชนะเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต และเชื่อว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด

บัดนี้ประชาธิปัตย์ มีมติสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ผมไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว แต่บอกที่ประชุมแล้ว ถ้าพรรคเห็นเช่นใด สมาชิกพรรคก็ต้องเห็นด้วยเช่นนั้น ยังแอบหวังลึกๆ ว่า จะมีแก้รัฐธรรมนูญ แอบหวังว่า คนที่พรรคไปพายเรือให้จะกลับใจ

ประการแรก ขอโทษประชาชนที่เลือกประชาธิปัตย์ โดยเข้าใจว่าพรรคจะรักษาจุดยืนคำพูด

ประการที่สอง สิ่งที่ต้องทำใน ส.ส. คือการเลือกตั้ง นายกฯ คงไม่สามารถเดินเข้าไปในห้องประชุมและลงคะแนนขัดต่อพรรคได้ ผมเป็นนักการเมืองที่สนับสนุนระบอบพรรค ซึ่งทราบดีว่า นักการเมืองต้องมีวินัย แต่จะให้เดินเข้าไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำไม่ได้ สัญญาประชมคมที่ผมให้ไว้กับพี่น้องทั้งประเทศ

ในการประชุมคนที่เสนอให้ผมงดออกเสียง เพื่อรักษาเกียรติผม ซึ่งผมได้ตอบไปในที่ประชุม ว่า พรรคไม่มีหน้าที่ รักษาเกียรติภูมิของใคร ส่วนรักษาเกียรติภูมิของผมเป็นหน้าที่ของผม ผมจึงงดออกเสียง แต่ผมทราบดีว่า ปัญหาทั้งหมดจะไม่จบในวันนี้ ทุกสัปดาห์ผมจะเผชิญกับปัญหานี้อยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ผ่านมา ผมไม่เคยอึดอัดขนาดนี้ เหมือนตอนที่ต้องลงมติให้เลื่อนการประชุมสภาครั้งที่ผ่านมาทั้งที่ไม่มีเหตุผลที่จะตอบสังคม แต่ผมต้องการทำตามมติพรรค

ดังนั้น เมื่อมาถึงวันนี้ ผมเหลือทางเดียวที่ต้องรักษาเกียรติภูมิ ที่ไม่ใช่แค่เกียรติภูมิผม แต่เป็นเกียรติภูมิของพรรค ตามคติพรรค ว่า สัจจังเวอมตาวาจา ที่ต้องรักษาคำพูดและรับผิดชอบต่อคำพูดที่กล่าวไว้กับประชาชน เพราะการทำงานการเมืองของผม ผมเชื่อว่าการยึดมั่นอุดมการณ์และหลักการถึงจะเดินต่อได้ สร้างประโยชน์แก่ประเทศในระยะยาวได้

โดยคานธี เขียนจดหมายถึงหลาน ถึงบาป 7 ประการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การเมืองที่ไม่ยึดหลักการ ผมไม่สามารถทำตามนั้นได้

ผมจึงจำเป็นต้องตัดสินใจลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK