ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดในกัวเตมาลา พุ่งขึ้นมาอยู่ที่อย่างน้อย 62 รายแล้ว ขณะเจ้าหน้าที่ยังพยายามค้นหาเหยื่ออย่างต่อเนื่อง
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติกัวเตมาลา (อินาซีฟ) เปิดเผยว่า ภูเขาไฟโวลกัน เด ฟูเอโก หรือ ภูเขาไฟแห่งไฟ เกิดการปะทุขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 มิ.ย.) ซึ่งถือเป็นครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้ประชาชนต้องอพยพหนีลาวาที่ไหลลงมาอย่างรวดเร็ว และพื้นที่โดยรอบภูเขาไฟถูกปกคลุมไปด้วยเถ้าถ่าน
หมู่บ้านเอลโรดีโอ และซานมิเกล ลอส โลเตส ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับภูเขาไฟ ได้รับความเสียหายอย่างมาก โดยทางการได้มีการอพยพประชาชนราว 3,200 คนออกจากพื้นที่โดยรอบภูเขาไฟลูกนี้ ที่อยู่ห่างจากกรุงกัวเตมาลาซิตี้ เมืองหลวงของประเทศ ไปทางตะวันเฉียงใต้เพียง 70 กิโลเมตรเท่านั้น
จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวผู้เสียชีวิตได้เพียง 13 รายเท่านั้น
นายฟานูเอล การ์เซีย ผู้อำนวยการอินาซีฟ ระบุว่า ศพส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ถูกเผาไหม้จนจำไม่ได้ โดยผู้เชี่ยวชาญจะต้องใช้วิธีการตรวจดีเอ็นเอ และบันทึกการทำฟัน เพื่อช่วยในระบุตัวผู้เสียชีวิต
ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาเหมือนอยู่ในเตาอบ มีคนได้รับบาดเจ็บมากมาย หลายคนต้องสูญเสียทรัพย์สินไปทั้งหมด ซึ่งพวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา เพราะที่ผ่านมา มักจะมีแต่เถ้าถ่านที่โปรยลงมา แต่ไม่เคยเกิดการปะทุหนักขนาดนี้
ทางด้านประธานาธิบดีจิมมี โมราเลส ผู้นำกัวเตมาลา เดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบเหตุ และได้เรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย
ทั้งนี้ มีประชาชนราว 1.7 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทุของภูเขาไฟในครั้งนี้ ที่ยังทำให้ต้องปิดสนามบินลา ออโรลา ในกรุงกัวเตมาลาซิตี้เป็นการชั่วคราว เพิ่งเปิดให้บริการใหม่ได้อีกครั้งเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.)
ขณะที่เม็กซิโก ฮอนดูรัส และสหประชาชาติ ต่างเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือต่อกัวเตมาลา และอิสราเอล จัดส่งความช่วยเหลือด้านอาหาร และเวชภัณฑ์มาให้