สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ปรับเป้าหมายการส่งออกข้าวสำหรับปีนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 10 ล้านตัน จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 9.5 ล้านตัน หลังยอดส่งออกช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ดีกว่าที่คาดไว้
ช่วงเดือนมกราคม – เมษายนที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวไปแล้ว 3.31 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเป็นปริมาณการส่งออกที่มากกว่าผู้ส่งออกขนาดใหญ่รายอื่นๆ อย่าง อินเดีย ที่มียอดส่งออกในช่วงเวลาข้างต้นอยู่ที่ 3.21 ล้านตัน เวียดนาม 1.61 ล้านตัน และปากีสถาน 1.28 ล้านตัน
ความต้องการเพิ่มหนุนส่งออก
“ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ไทยส่งออกข้าวสูงกว่าที่คาดกันไว้ เพราะความต้องการในประเทศผู้นำเข้าหลายรายเพิ่มสูงขึ้น และเราคาดว่า ความต้องการนี้จะช่วยสนับสนุนการส่งของไทยตลอดทั้งปีนี้” ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าว
การปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวของทางสมาคม สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์ ที่ประเมินว่า ในปี 2561 ไทยจะมียอดส่งออกข้าวอยู่ที่ราว 10 ล้านตัน
ทั้งกระทรวงพาณิชย์ และผู้ส่งออก ยังระบุเหมือนกันว่า ปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นนี้ มาจากความต้องการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา
“มีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นจากประเทศเอเชีย และแอฟริกา ซึ่งช่วยหนุนให้การส่งออกข้าวรายปีของไทยแตะเป้าหมายที่ 10 ล้านตันในปีนี้”
ส่อไร้เงินอุดหนุน
แนวโน้มการส่งออกที่สดใสมากขึ้น ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลอาจไม่มีมาตรการสนับสนุนราคาข้าวออกมา ซึ่งความต้องการที่แข็งแกร่งนี้ ทำให้บรรดาผู้ส่งออกพากันไปทำข้อตกลงซื้อข้าวล่วงหน้าไว้แล้ว ก่อนถึงฤดูเก็บเกี่ยวช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม
อย่างไรก็ดี คาดว่า รัฐบาลจะมีการจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับชาวนา เพื่อช่วยสร้างยุ้งฉาง เพื่อที่จะได้มีที่จัดเก็บข้าว สำหรับนำออกขายในช่วงเวลาที่ราคาข้าวสูงขึ้น ซึ่งราคาข้าวในประเทศในปีนี้ ปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 10%
ทั้งนี้ราคาข้าวหอมมะลิชนิดพิเศษของไทย พุ่งไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ตันละ 1,200 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากตันละ 823 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว