หนึ่งในบริษัทที่ดำเนินการควบรวมกิจการมากสุดของจีน “โฟซัน อินเตอร์เนชันแนล” ประกาศลดการลงทุนในสหรัฐ สัญญาณที่บ่งบอกว่าข้อพิพาททางการค้าที่เกิดขึ้น กำลังทำให้การควบรวมกิจการที่เกิดขึ้นอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมาลดลง
เควิน เซียะ หัวหน้าผู้แทนโฟซันในสหรัฐ กล่าวว่า บริษัทกำลังมองหาทางที่จะลดปริมาณการถือหุ้น ในบรรดาบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ ให้เหลือหุ้นน้อยที่สุด ในความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากกฎข้อบังคับของสหรัฐที่เพิ่มมากขึ้น และจะหันไปมุ่งลงทุนในตลาดเกิดใหม่แทน
“ความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของเราในสหรัฐ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยุติการทำข้อตกลงทั้งหมด”
การปรับเป้าลงทุนของโฟซัน ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจในหลากหลายด้านไล่ตั้งแต่ประกันภัย ไปจนถึงเวชภัณฑ์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับสหรัฐ อยู่ในภาวะตึงเครียดมากขึ้น ทั้งภายใต้การดำเนินงานของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ื ทรัมป์ คณะกรรมการกำกับการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐ (ซีเอฟไอยูเอส) หน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบสินทรัพย์ท้องถิ่น เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศก็เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น
ทั้งการตัดสินใจของทรัมป์ในเดือนนี้ ถึงการขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ก็ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในเรื่องที่ว่า การควบกิจการข้ามพรมแดน จะได้รับอนุญาตจากทั้ง 2 ประเทศหรือไม่
บรรยากาศที่ย่ำแย่เช่นนี้ อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ของจีนมากเป็นพิเศษ โดยบริษัทจีน ถือเป็นแหล่งระดมทุนหลักของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสหรัฐ ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ข้อตกลงในธุรกิจดูแลสุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับนักลงทุนจีนมีมูลค่า 2,800 ล้านดอลลาร์ เทียบกับจำนวน 702.9 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2560
อย่างไรก็ดี แผนการของรัฐบาลจีน ที่จะกลายเป็นผู้นำโลกในด้านเวชภัณฑ์ และอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงอื่นๆ สร้างความวิตกให้กับสหรัฐ และซีเอฟไอยูเอส ก็เริ่มตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้น แม้กระทั่งการเข้าซื้อจำนวนน้อยในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ท่ามกลางความกังวลว่า การลงทุนของธุรกิจจีน อาจทำให้รัฐบาลปักกิ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย ที่อาจนำไปใช้แบล็กเมล์ชาวอเมริกันได้
โฟซันระบุว่า บริษัทกำลังปรับตัวเข้ากับสภาวะแวดล้อมใหม่ดังกล่าว
“บริษัทต่างๆ ในสหรัฐ ยังคงต้อนรับการลงทุนอยู่ และต้องการทำงานร่วมกับเรา ดังนั้นเราจึงดำเนินการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ในพื้นที่ที่กฎหมายเหลือไว้ให้เราขยับตัวได้เพียงนิดเดียว” เซียะ กล่าว
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โฟซันหันไปรุกตลาดเกิดใหม่มากขึ้น มีการตั้งคณะทำงานด้านการลงทุนในหลายเมือง ไล่ตั้งแต่เซาเปาโล ในบราซิล และกรุงนิวเดลี อินเดีย ไปจนถึงสิงคโปร์ และนครดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อหาทางทำข้อตกลงขนาดใหญ่ต่อไป
เซียะบอกว่า ขณะนี้ คณะทำงานของเขากำลังพิจารณาการลงทุนในบริษัทให้บริการทางการแพทย์ในบราซิล โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ บอกแต่เพียงว่า ข้อตกลงแบบนี้อาจมีขนาดใหญ่อย่างมาก
